การให้ความยินยอมในการนำทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่น
ในการกำหนดเขตปฏิรูปที่ดินตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 พื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินย่อมครอบคลุมทั้งที่ดินที่เหมาะสม และไม่เหมาะสมต่อการประกอบเกษตรกรรม ส.ป.ก. ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ย่อมมีอำนาจจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่และศักยภาพของที่ดิน พื้นที่ใดหากมีศักยภาพทางด้านทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าการใช้ประโยชน์ทางเกษตรกรรม ก็สามารถยินยอมให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่นที่มิใช่ทางด้านเกษตรกรรมได้ โดยการออกหนังสือยินยอมให้เข้าใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการ สามารถนำหนังสือยินยอมดังกล่าว ไปใช้ประกอบในการขออนุญาตกับหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายอื่นต่อไป ทั้งนี้ โดยจะต้องปฏิบัติตาม
ระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) เรื่อง การให้ความยินยอมในการนำทรัพยากรธรรมชาติในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่น พ.ศ.2541 โดยแยกออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
ก. การสำรวจแร่ในเขตปฏิรูปที่ดิน
ข. การทำเหมืองในเขตปฏิรูปที่ดิน
ก. การสำรวจแร่ในเขตปฏิรูปที่ดิน 1. ผู้มีสิทธิยื่นคำขอสำรวจแร่ ผู้มีสิทธิยื่นคำขอความยินยอมในการใช้พื้นที่เพื่อการสำรวจแร่ ตามระเบียบ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) เรื่อง การให้ความยินยอมในการนำทรัพยากรธรรมชาติในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่น พ.ศ.2541ได้แก่ บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล สามารถยื่นคำขอได้ที่ ส.ป.ก.จังหวัด ที่ที่ดินตั้งอยู่
2. พื้นที่ที่จะพิจารณาให้ความยินยอมตามระเบียบนี้ ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1) เป็นพื้นที่ซึ่งกรมป่าไม้และส.ป.ก.ได้ตรวจสอบตามบันทึกข้อตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันแล้ว หรือไม่อยู่ในบริเวณที่ส.ป.ก.ได้กันไว้เป็นพื้นที่ป่าในเขตปฏิรูปที่ดิน
2) สภาตำบล หรือ อบต. แห่งท้องที่นั้นมีความเห็นว่าบริเวณที่ขอรับความยินยอมไม่เป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์สวยงามอันควรรักษาไว้
3) สภาตำบล หรือ อบต. แห่งท้องที่นั้น และ ส.ป.ก. จังหวัด เห็นชอบว่าการสำรวจแร่ในบริเวณนั้นไม่มีปัญหากระทบที่สำคัญต่อความเป็นอยู่ของราษฎรในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง
4) การสำรวจแร่ดังกล่าว มีลักษณะ ขนาด อาณาเขต และเนื้อที่เหมาะสมกับกิจการตามวัตถุประสงค์ที่ขอ และแผนการใช้พื้นที่ตามโครงการประกอบคำขอ
3. ขั้นตอนการยื่นคำขอความยินยอมในการใช้พื้นที่ ผู้ที่ประสงค์จะยื่นคำขอรับความยินยอมในการใช้พื้นที่สำรวจแร่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ให้ยื่นคำขอ ณ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (ส.ป.ก.จังหวัด) ที่ที่ดินตั้งอยู่ ตามแบบที่ ส.ป.ก. กำหนด (
ส.ป.ก. 4-104) พร้อมทั้งแนบหลักฐานและเอกสารประกอบคำขอ ดังต่อไปนี้
1) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
2) สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และหลักฐานแสดงว่าผู้ยื่นคำขอเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล จำนวน 1 ชุด (กรณีเป็นนิติบุคคล)
3) หลักฐานการขออนุญาตตามกฎหมายอื่น อาทิเช่น สำเนาคำขออนุญาตสำรวจแร่ที่ผู้นั้นยื่นต่อสำนักงานอุตสหกรรมจังหวัด
4) แผนงานโครงการสำรวจแร่ ที่ผ่านการตรวจสอบและเห็นชอบจากหน่วยงานที่มีหน้าที่อนุญาตให้สำรวจทรัพยากรธรรมชาตินั้น พร้อมแผนที่และแผนผังแสดงการใช้พื้นที่และบริเวณใกล้เคียง
5) ความเห็น อบต.ประจำท้องที่ เกี่ยวกับการขอใช้พื้นที่ในเขตปกครองว่ายินยอมให้ใช้
หรือไม่อย่างไร โดยจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ว่า ไม่เป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์สวยงามอันควรรักษาไว้ และการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติไม่มีปัญหากระทบที่สำคัญต่อความเป็นอยู่ของราษฎรในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง
6) กรณีเป็นแปลงที่ดินที่ได้รับการจัดที่ดินจาก ส.ป.ก. แล้ว ต้องได้รับความยินยอมจากเกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินนั้นและหากเป็นแปลงที่ดินที่ยังไม่ได้จัดให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือครองทำประโยชน์ในที่ดินนั้น ทุกรายทุกแปลง โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงต่อ ส.ป.ก.จังหวัด
7) หลักฐานอื่น ๆที่จำเป็นเพื่อประกอบการพิจารณา
4 ขั้นตอนการตรวจสอบพื้นที่และเอกสารหลักฐาน เมื่อรับคำขอแล้ว ส.ป.ก. จังหวัด จะดำเนินการ ดังนี้
1) ตรวจสอบคำขอ ความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ เมื่อเห็นว่า ถูกต้องครบถ้วน จะออกใบรับคำขอไว้เป็นหลักฐาน หากไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน จะแจ้งผู้ยื่นคำขอฯ ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนก่อน
2) ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นคำขอ และตรวจสอบรายละเอียดสภาพแปลงที่ดินบริเวณที่ขอใช้ ว่าการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติเป็นอุปสรรคต่อการประกอบเกษตรกรรมในที่ดินของเกษตรกรบริเวณนั้นและบริเวณใกล้เคียงหรือไม่
3) ตรวจสอบและพิจารณาว่า อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาให้ใช้พื้นที่ได้หรือไม่ หากเห็นว่าอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาให้ความยินยอมได้ ส.ป.ก.จังหวัด จะส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมเสนอความเห็นต่อ ส.ป.ก. เพื่อพิจารณา (ตามระเบียบฯ ข้อ 9 )
5. ขั้นตอนการพิจารณาคำขอเพื่อการสำรวจแร่
เมื่อ ส.ป.ก. ได้รับคำขอจาก ส.ป.ก. จังหวัด แล้ว จะดำเนินการ ดังนี้
1) เมื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานครบถ้วนแล้ว จะเสนอ เลขาธิการส.ป.ก. พิจารณา
2) เมื่อ เลขาธิการ ส.ป.ก.พิจารณาแล้ว เห็นว่า การสำรวจแร่ในพื้นที่ไม่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการประกอบเกษตรกรรมในที่ดินของเกษตรกร แล้ว จะยินยอมให้ใช้ที่ดินเพื่อการสำรวจแร่ ตามความจำเป็น และเหมาะสม มีกำหนดระยะเวลาไม่เกินอายุอาชญาบัตร และส.ป.ก. จะแจ้งให้ ส.ป.ก.จังหวัด ออกหนังสือยินยอมให้ใช้ที่ดินฯ ต่อไป (ตามระเบียบฯ ข้อ 12 )
3) ในกรณีเลขาธิการ ส.ป.ก. ไม่เห็นชอบการให้ใช้พื้นที่ ผู้ยื่นคำขอสำรวจแร่ หาก ไม่เห็นด้วยกับผลการพิจารณา สามารถใช้สิทธิทางศาลปกครองได้
6. การชำระค่าตอบแทน ผู้ได้รับหนังสือยินยอม ต้องชำระค่าตอบแทนการใช้ที่ดินให้ ส.ป.ก. ตามบัญชีค่าตอบแทน ที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ได้ให้ความเห็นชอบ ในอัตราไร่ละ 10 บาท ต่อปี เรียกเก็บครั้งเดียวตลอดอายุหนังสือยินยอม (
คปก ครั้งที่ 1/2542 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2542)
7. การออกหนังสือยินยอม 1) ส.ป.ก. จังหวัด จะออกหนังสือยินยอมให้แก่ผู้ยื่นคำขอ ต่อเมื่อได้รับหนังสือแจ้งจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ หรืออาชญาบัตรพิเศษให้แก่ผู้ยื่นคำขอแล้ว และเมื่อผู้ยื่นคำขอได้วางหลักประกันและชำระค่าตอบแทนการใช้ที่ดินแล้ว จึงจะดำเนินการออกหนังสือยินยอมให้แก่ผู้นั้นต่อไป
2) ส.ป.ก. จังหวัด จะออกหนังสือยินยอมให้เข้าใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ ตามแบบที่ ส.ป.ก. กำหนด (
ส.ป.ก. 4–106)
ข. การทำเหมืองในเขตปฏิรูปที่ดิน 1. ผู้มีสิทธิยื่นคำขอ ผู้มีสิทธิยื่นคำขอความยินยอมในการใช้พื้นที่เพื่อการทำเหมือง ตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) เรื่อง การให้ความยินยอมในการนำทรัพยากรธรรมชาติในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่น พ.ศ.2541ได้แก่ บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล สามารถยื่นคำขอได้ที่ ส.ป.ก.จังหวัด ที่ที่ดินตั้งอยู่
2. พื้นที่ที่จะพิจารณาให้ความยินยอมตามระเบียบนี้ ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1) เป็นพื้นที่ซึ่งกรมป่าไม้และส.ป.ก.ได้ตรวจสอบตามบันทึกข้อตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันแล้ว หรือไม่อยู่ในบริเวณที่ส.ป.ก.ได้กันไว้เป็นพื้นที่ป่าในเขตปฏิรูปที่ดิน
2) สภาตำบล หรือ อบต. แห่งท้องที่นั้นมีความเห็นว่า บริเวณที่ขอรับความยินยอมไม่เป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์สวยงามอันควรรักษาไว้
3) สภาตำบล หรือ อบต. แห่งท้องที่นั้น และ ส.ป.ก. จังหวัด เห็นชอบว่าการทำเหมืองในบริเวณนั้นไม่มีปัญหากระทบที่สำคัญต่อความเป็นอยู่ของราษฎรในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง
4) การทำเหมืองดังกล่าว มีลักษณะ ขนาด อาณาเขต และเนื้อที่ เหมาะสมกับกิจการตามวัตถุประสงค์ที่ขอและแผนการใช้พื้นที่ตามโครงการประกอบคำขอ และพื้นที่นั้นมีศักยภาพในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าการเกษตร
3. ขั้นตอนการยื่นคำขอความยินยอมในการใช้พื้นที่
ผู้ที่ประสงค์จะยื่นคำขอความยินยอมในการใช้พื้นที่ทำเหมืองในเขตปฏิรูปที่ดิน ให้ยื่นคำขอ ณ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (ส.ป.ก.จังหวัด) ที่ที่ดินตั้งอยู่ ตามแบบที่ ส.ป.ก. กำหนด (ส.ป.ก. 4-104) พร้อมทั้งแนบหลักฐานและเอกสารประกอบคำขอ ดังต่อไปนี้
1) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
2) สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และหลักฐานแสดงว่าผู้ยื่นคำขอเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล จำนวน 1 ชุด (กรณีเป็นนิติบุคคล)
3) หลักฐานการขออนุญาตตามกฎหมายอื่น
4) แผนงานโครงการทำเหมืองแร่ที่ผ่านการตรวจสอบและเห็นชอบจากหน่วยงานที่มีหน้าที่อนุญาตให้ทำเหมืองแร่นั้น พร้อมแผนที่และแผนผังแสดงการใช้พื้นที่และบริเวณใกล้เคียง
5) ความเห็น อบต.ประจำท้องที่ เกี่ยวกับการขอใช้พื้นที่ในเขตปกครองว่า ยินยอมให้ใช้
หรือไม่อย่างไร โดยจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ว่า ไม่เป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์สวยงามอันควรรักษาไว้ และการขอทำเหมืองไม่มีปัญหากระทบที่สำคัญต่อความเป็นอยู่ของราษฎรในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง
6) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านความเห็นชอบจากสำนักงาน
นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และ มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ สผ.
7) แผนฟื้นฟูสภาพพื้นที่ภายหลังการทำเหมืองในเขตปฏิรูปที่ดินตาม
หลักเกณฑ์มาตรฐานการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ภายหลังการทำเหมืองในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ได้กำหนด
8) กรณีเป็นแปลงที่ดินที่ได้รับการจัดที่ดินจาก ส.ป.ก. แล้ว ต้องได้รับความยินยอมจากเกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินนั้นและเกษตรกรดังกล่าวต้องสละสิทธิในที่ดินคืนแก่ส.ป.ก.ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่ คปก.กำหนด และหากเป็นแปลงที่ดินที่ยังไม่ได้จัดให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือครองทำประโยชน์ในที่ดินนั้น ทุกรายทุกแปลง โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ มาแสดงต่อ ส.ป.ก.จังหวัด
4 ขั้นตอนการตรวจสอบพื้นที่ และเอกสารหลักฐาน เมื่อรับคำขอแล้ว ส.ป.ก. จังหวัด จะดำเนินการ ดังนี้
1) ตรวจสอบคำขอ และความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ เมื่อเห็นว่า ถูกต้องครบถ้วน จะออกใบรับคำขอไว้เป็นหลักฐาน หากไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน จะแจ้งผู้ยื่นคำขอฯ ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนก่อน
2) ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นคำขอ และตรวจสอบรายละเอียดสภาพแปลงที่ดินบริเวณที่ขอใช้ ว่าการทำเหมืองแร่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบเกษตรกรรมในที่ดินของเกษตรกรบริเวณนั้นและบริเวณใกล้เคียงหรือไม่
3) ตรวจสอบแผนฟื้นฟูสภาพพื้นที่ภายหลังการทำเหมืองในเขตปฏิรูปที่ดินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานการฟื้นฟูฯ ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้กำหนดไว้ (คปก. ครั้งที่ 3/2545 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2545 ) และไม่ขัดแย้งกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ผู้ยื่นคำขอฯ ได้เสนอ และผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และไม่ขัดต่อมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ สผ.
4) เมื่อดำเนินการตาม ข้อ 1) – 3) เรียบร้อยแล้ว จะพิจารณาว่า อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาให้ใช้พื้นที่ได้หรือไม่ หากเห็นว่าอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาให้ความยินยอมได้ จะนำเสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในการขอทำเหมืองและเห็นชอบแผนฟื้นฟูสภาพพื้นที่ภายหลังการทำเหมืองในเขตปฏิรูปที่ดินฯ
5) เมื่อคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด พิจารณาให้ความเห็นชอบตามข้อ 4 แล้ว ส.ป.ก. จังหวัด จะส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดพร้อมทำความเห็น เสนอ ส.ป.ก. พิจารณา
5. ขั้นตอน การพิจารณาคำขอเพื่อทำเหมืองแร่ เมื่อ ส.ป.ก. ได้รับคำขอจาก ส.ป.ก. จังหวัดแล้ว จะดำเนินการดังนี้
1) ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหลักฐาน กรณีถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะเสนอ เลขาธิการส.ป.ก. เพื่อขอความเห็นชอบให้นำเรื่องการขอใช้พื้นที่การทำเหมืองเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาการอนุญาต หรือการให้ความยินยอมให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อพิจารณา
2) เมื่อ เลขาธิการ ส.ป.ก. ให้ความเห็นชอบตามข้อ 1) แล้ว จะนำเรื่องการขอใช้พื้นที่การทำเหมืองดังกล่าวเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ การยินยอมให้ใช้ที่ดิน และให้ความเห็นชอบแผนฟื้นฟูสภาพพื้นที่ภายหลังการทำเหมืองในเขตปฏิรูปที่ดิน
3) หากคณะอนุกรรมการฯ ให้ความเห็นชอบ ส.ป.ก.จะนำเสนอ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) พิจารณาให้ความยินยอมให้ใช้ที่ดินตามระเบียบฯ ต่อไป
4) เมื่อ คปก. พิจารณาให้ความยินยอมให้ใช้ที่ดินตามข้อ 3) แล้ว ส.ป.ก. จะแจ้งจังหวัดทราบ เพื่อออกหนังสือแสดงความไม่ขัดข้องให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินฯ (
ส.ป.ก.4-105) ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ขออนุญาตนำไปประกอบการยื่นคำขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ เพื่อดำเนินการขอประทานบัตรต่อไป
- ในกรณีที่คณะอนุกรรมการฯ ไม่เห็นชอบ หรือ คปก. ไม่ยินยอมให้ใช้ที่ดิน ผู้ยื่นคำขอทำเหมืองแร่ หากไม่เห็นด้วยกับผลการพิจารณา สามารถใช้สิทธิทางศาลปกครองได้
6. ขนาดของพื้นที่ในการพิจารณาให้ความยินยอมให้ใช้ที่ดิน 6.1 การยินยอมให้ใช้ที่ดินเพื่อทำเหมืองแร่ แต่ละคำขอไม่เกิน 300 ไร่ และมีกำหนดระยะเวลาไม่เกินอายุประทานบัตร
6.2 การยินยอมให้ใช้ที่ดินเพื่อการสร้างทางขนแร่ออกจากเขตพื้นที่ประทานบัตร ให้มีความกว้างของทางไม่เกิน 6 เมตร (ตามมาตรฐานที่ ส.ป.ก. กำหนด) โดยมีกำหนดระยะเวลาไม่เกินอายุประทานบัตร
6.3 การยินยอมให้ใช้ที่ดินเพื่อกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการทำเหมืองแร่ เช่น ที่เททิ้งมูลดินทราย ที่พักคนงาน ที่กองเก็บแร่ ที่ตั้งโรงโม่แร่ หรือแต่งแร่ รวมทั้งที่เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำเหมืองแร่ และอื่นๆ ให้ใช้พื้นที่ได้ตามตามความจำเป็นและเหมาะสมแก่กิจการที่ขอ และมีกำหนดระยะเวลาไม่เกินอายุประทานบัตร
6.4 กรณีจำนวนเนื้อที่ หรือระยะเวลาเกินกว่าที่กำหนดในระเบียบฯ ต้องได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.)
7. การชำระค่าตอบแทน ผู้ได้รับหนังสือยินยอมจะต้องชำระค่าตอบแทนการใช้ที่ดินให้ ส.ป.ก. ตามบัญชีค่าตอบแทน ที่ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้ให้ความเห็นชอบ (
คปก ครั้งที่ 1/2542 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2542) ดังนี้
7.1 การทำเหมือง ค่าตอบแทนการใช้ที่ดิน แยกเป็นดังนี้
1) อัตราร้อยละ 2 ของราคาที่ดิน(.ให้ใช้ราคาประเมินกรมธนารักษ์ในพื้นที่นั้น หากไม่มีให้ใช้บริเวณใกล้เคียง แต่ต้องไม่น้อยกว่า 10,000 บาทต่อไร่) คูณจำนวนปีที่ใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยเรียกเก็บครั้งเดียวตลอดอายุหนังสือยินยอม และ
2) จำนวนเงินเท่ากับการเก็บค่าภาคหลวงแร่ที่ผู้ถือประทานบัตรชำระให้แก่เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ (เรียกเก็บพร้อมกับค่าภาคหลวงแร่)
7.2 การสร้างทางขนแร่ และเพื่อใช้กิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการทำเหมืองแร่ เช่น ที่เททิ้งมูลดินทราย ที่พักคนงาน ที่กองเก็บแร่ ที่ตั้งโรงโม่แร่ หรือแต่งแร่ ที่เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ เรียกเก็บในอัตราไร่ละ 100 บาท ต่อปี โดยเรียกเก็บครั้งเดียวตลอดอายุหนังสือยินยอม
8. การออกหนังสือยินยอม 1) ส.ป.ก. จังหวัด จะออกหนังสือยินยอมให้แก่ผู้ยื่นคำขอ ต่อเมื่อได้รับหนังสือแจ้งจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประทานบัตรให้แก่ ผู้ยื่นคำขอแล้ว และเมื่อผู้ยื่นคำขอได้วางหลักประกันและชำระค่าตอบแทนการใช้ที่ดินแล้ว จึงจะดำเนินการออกหนังสือยินยอมให้แก่ผู้นั้นต่อไป
2) ส.ป.ก. จังหวัด จะออกหนังสือยินยอมให้เข้าใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ ตามแบบที่ ส.ป.ก. กำหนด (
ส.ป.ก. ๔–๑๐๖)