image banner

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสียหาย

เมษายน 19, 2559 | ค่าเสียหายกรณีศึกษาคดีวังน้ำเขียว

หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสียหายประกอบการฟ้องขับไล่ผู้ประกอบการ ......................รีสอร์ท และบริวาร
 
            ส.ป.ก. ขอชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณค่าเสียหายในคดีฟ้องขับไล่ผู้ประกอบการ ........................รีสอร์ท และบริวาร ดังต่อไปนี้
           1. ส.ป.ก. เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเทียบเท่ากรม ซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ดังนั้น ส.ป.ก. จึงเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๗ วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ.๒๕๕๓ ซึ่งมีสิทธิและหน้าที่ภายในขอบแห่งอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ดังได้บัญญัติไว้ ตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินฯ ประกอบมาตรา ๖๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 
            สำหรับการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้น ส.ป.ก. ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยใช้จ่ายด้วยงบประมาณแผ่นดินที่ได้รับจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประกอบด้วย เงินที่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้รับจากรัฐบาลหรือจากแหล่งต่าง ๆ ภายในประเทศ หรือต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ หรือบุคคลอื่น เงินที่ได้รับจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และเงิน ดอกผล หรือประโยชน์ใด ๆ ที่ ส.ป.ก. ได้รับเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม ตามมาตรา ๑๐ ของ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินฯ
            ๒. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เป็นนโยบายของรัฐบาลอันเนื่องมาจากเหตุผลว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพในการเกษตร ที่ดินจึงเป็นปัจจัยสำคัญและเป็นรากฐานเบื้องต้นของการผลิตทางเกษตรกรรม แต่ปัจจุบันปรากฏว่าเกษตรกรกำลังประสบความเดือดร้อน เนื่องจากต้องสูญเสียสิทธิในที่ดินและกลายเป็นผู้เช่าที่ดิน ต้องเสียค่าเช่าที่ดินในอัตราที่สูงเกินสมควร ที่ดินขาดการบำรุงรักษา จึงทำให้อัตราผลิตผลเกษตรกรรมอยู่ในระดับต่ำ เกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมและเสียเปรียบจากระบบการเช่าที่ดินและการจำหน่ายผลิตผลตลอดมา ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะความยุ่งยาก ทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม การปกครองและการเมืองของประเทศเป็นอย่างมาก จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่รัฐจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยด่วนที่สุด โดยวิธีการปฏิรูปที่ดินเพื่อช่วยให้เกษตรกรมีที่ดินทำกิน และให้การใช้ที่ดินเกิดประโยชน์มากที่สุด พร้อมกับการจัดระบบการผลิตและจำหน่ายผลิตผลเกษตรกรรมเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่เกษตรกร ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนองแนวนโยบายแห่งรัฐ ในการลดความเหลื่อมล้ำ ในฐานะของบุคคลในทางเศรษฐกิจและสังคม ตามที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเหตุผลดังกล่าวปรากฏ ตามเหตุผลท้าย พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินฯ
                ในการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบายแห่งรัฐข้างต้น รัฐได้จัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินในแต่ละปีตามข้อ ๑ ให้แก่ ส.ป.ก. ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินภารกิจดังกล่าวในนามของรัฐ เพื่อสงวนที่ดินตาม พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินฯ ให้แก่เกษตรกรและคุ้มครองจัดการที่ดินและผลิตผลทางเกษตรกรรม ซึ่งความมุ่งหมายเช่นว่านี้อยู่ภายใต้ขอบแห่งอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น และเป็นเหตุผลสำคัญที่รัฐก่อตั้ง ส.ป.ก. ขึ้นแทนการมอบหมายให้ที่ดินนั้นอยู่ภายใต้ภารกิจ ของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย
                ๓. ในแต่ละปี ส.ป.ก. ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินไปเพื่อช่วยให้เกษตรกรมีที่ดินทำกิน และ เพื่อเป็นการลดปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินของเกษตรกรตามข้อ ๒ จึงได้กำหนดให้มีระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกเกษตรกร ซึ่งจะมีสิทธิได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓)พ.ศ. ๒๕๓๘ และระเบียบ คปก. ว่าด้วยการให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้ได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน พ.ศ. ๒๕๓๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๐ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์สำหรับการสงวนที่ดินไว้เพื่อเกษตรกรโดยเฉพาะและห้ามมิให้เกษตรกรทำการโอนที่ดินที่ได้รับการจัดสรรหรือรับรองสิทธิจาก ส.ป.ก. ให้แก่บุคคลอื่นอันจะเป็นเหตุให้เกษตรกรต้องประสบกับปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินอีกครั้ง นอกจากนี้ ส.ป.ก. ยังได้ใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินและกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยการผลิตในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตลอดจนจัดระบบการผลิตและจำหน่ายผลิตผลเกษตรกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินและกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าวให้มากที่สุด
                 ๔. กรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพื้นที่อำเภอ.................. จังหวัด...................... พบว่าเกษตรกรที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมบางรายมิได้ประกอบเกษตรกรรมด้วยตนเอง และหรือขายที่ดินให้กับนายทุนหรือนักธุรกิจ และพบว่าบางพื้นที่มีบุคคลภายนอกเข้าครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและทำประโยชน์โดยมิชอบ รวมทั้งใช้ที่ดินนั้นเป็นสถานประกอบธุรกิจประเภทโรงแรมหรือรีสอร์ท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
               การกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบข้างต้นนั้น ส่งผลให้การดำเนินการตามแผนงานและงบประมาณของ ส.ป.ก. ซึ่งเป็นงบประมาณแผ่นดินของรัฐต้องสูญเสียไปโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ ในการจัดสรรที่ดินหรือรับรองสิทธิในที่ดินแต่ละแปลงนั้นได้กระทำโดยอาศัยทั้งงบประมาณและบุคลากรภาครัฐ (Input)เพื่อให้แผนการดำเนินงานบรรลุผลและได้มาซึ่งการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน หรือ ส.ป.ก.๔-๐๑ แก่เกษตรกรเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม ซึ่ง ส.ป.ก. ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในที่ดินดังกล่าว โดยมุ่งหมายให้เกษตรกรที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดมีรายได้ จากการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินและสร้างผลิตผลทางการเกษตรเข้าสู่ท้องตลาด ตลอดจน ส.ป.ก.ได้รับค่าเช่าที่ดินจากเกษตรกรในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (Output) นอกจากนี้ รัฐ โดย ส.ป.ก. ยังมีเป้าประสงค์เชิงผลลัพธ์ (Outcome) ได้แก่ ความสามารถในการดำรงชีพด้วยตนเองของเกษตรกรเพื่อลดภาระของงบประมาณแผ่นดิน ทั้งนี้ เมื่อเกษตรกรสามารถดำรงชีพและมีรายได้จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมของตนโดยการสร้างผลิตผลเกษตรกรรมเข้าสู่ท้องตลาดนั้น จะส่งผลต่ออัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศและประสิทธิผลของการจัดเก็บภาษีซึ่งเป็นรายได้ของรัฐที่จะกลายเป็นงบประมาณแผ่นดินของประเทศในทิศทางที่สูงขึ้น (Impact) (เอกสารแนบ ๑) ทั้งนี้ แผนผังแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำละเมิดและผลความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รัฐ ในความรับผิดชอบของ ส.ป.ก. ตามเอกสารแนบ ๑ นั้น ส.ป.ก. ได้จำแนกการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ ส.ป.ก. ดังกล่าวข้างต้น ประกอบการวินิจฉัยความสัมพันธ์ระหว่าง การกระทำและผล กรณีบุกรุกและอยู่โดยละเมิดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแปลงพิพาทของ นาง............................ เจ้าของสถานประกอบการ...............รีสอร์ท เพื่อแสดงผลความเสียหายจากการละเมิดว่า ความเสียหายใดเป็นความเสียหายโดยตรงและไม่ไกลกว่าเหตุซึ่งนาง......... จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ ส.ป.ก. และความเสียหายใดเป็นความเสียหายที่ไกลกว่าเหตุซึ่ง ส.ป.ก. ไม่นำมาใช้คำนวณเรียกค่าสินไหมทดแทนจากนาง.............ผู้กระทำละเมิด
              ๕. ในกรณีการคำนวณค่าเสียหายที่เกิดจากการบุกรุกเข้าครอบครองและทำประโยชน์ โดยมิชอบด้วยกฎหมายและอยู่โดยละเมิดของนาง..........นั้น เนื่องจากการบุกรุกและปลูกสร้างรีสอร์ทดังกล่าว ส่งผลให้การดำเนินการตามแผนงานของ ส.ป.ก. ไม่อาจบรรลุผลข้างต้นได้ ทั้งที่รัฐได้ใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินไปเพื่อการดังกล่าวแล้ว ในชั้นนี้ การเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดตามข้อเท็จจริงจากการละเมิดของนาง........ ส.ป.ก. ได้ใช้สิทธิของผู้เสียหายตามมาตรา ๔๓๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยจำแนกเป็นการเรียกคืนที่ดินพิพาทในสภาพเดิมก่อนมีการละเมิดเกิดขึ้นอันเป็นทรัพย์สินที่ ส.ป.ก. ต้องเสียไปเพราะการละเมิดนั้น และการเรียกให้ใช้ราคาที่ดินพิพาทที่นาง............. ได้เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินพิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมายในฐานะค่าเสียหายกรณีหาก ส.ป.ก. นำที่ดินพิพาทออกให้เช่า รวมทั้งการเรียกค่าเสียหายในฐานะ ค่าขาดประโยชน์ที่รัฐมุ่งหมายให้เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ป.ก. ภายใต้ขอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายซึ่งเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดของนาง.......... ดังนั้น ส.ป.ก. จึงขอจำแนกแนวทางการคำนวณค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของนาง............ ดังต่อไปนี้
              ๕.๑ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบุกรุกของนาง......... ในที่ดินพิพาทก่อให้เกิดความเสียหายต่อเป้าหมายของการใช้งบประมาณแผ่นดินของรัฐซึ่งมอบหมายให้ ส.ป.ก. เป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ ผลผลิตที่รัฐมอบหมายให้ ส.ป.ก. ดำเนินการโดยใช้งบประมาณแผ่นดินก่อให้เกิดขึ้น คือ การทำเกษตรกรรมของเกษตรกรในพื้นที่พิพาทซึ่งได้รับ ส.ป.ก.๔-๐๑ ผ่านกระบวนการใช้ทรัพยากรของรัฐโดย ส.ป.ก. เพื่อให้ได้มา ซึ่งการมีรายได้ของเกษตรกรจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และสร้างผลผลิตทางการเกษตรให้เกิดขึ้นภายในประเทศ ทั้งนี้ หากมิได้มีการละเมิดของนาง.........ในที่ดินพิพาทแล้ว การดำเนินงานของ ส.ป.ก. ผ่านกระบวนการดังกล่าวจะก่อให้เกิดรายได้แก่เกษตรกรที่เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย และเกิดผลผลิตทางการเกษตรจากที่ดินพิพาทในคราวเดียวกัน ซึ่งผลทั้งสองประการนี้เป็นผลที่จะเกิดขึ้นโดยตรงจากการดำเนินงานของ ส.ป.ก. และเป็นผลที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนหากไม่มีการละเมิดนั้น
               ในกรณีการเรียกค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในฐานะค่าขาดประโยชน์ ที่นาง..............ได้ก่อขึ้นนั้น ส.ป.ก. ใช้สิทธิของผู้เสียหายเรียกค่าขาดประโยชน์เฉพาะความเสียหายซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดดังกล่าว ดังนั้น ส.ป.ก. จึงเรียกเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขาดผลผลิตทางการเกษตรที่จะเกิดขึ้นในที่ดินพิพาทหากมิได้มีการละเมิดของนาง.........อันเป็นความเสียหายที่ ส.ป.ก. ต้องดำเนินการ ให้เกิดขึ้นตามที่ได้รับมอบหมายโดยการใช้งบประมาณแผ่นดินตามขอบอำนาจหน้าที่และวัตถุประสงค์ของ ส.ป.ก. ในฐานะนิติบุคคลตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินฯ ประกอบมาตรา ๖๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งนี้ ในการเรียกค่าขาดประโยชน์ดังกล่าว ส.ป.ก. มิได้เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกษตรกรขาดรายได้จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมอันเกิดขึ้นจากการละเมิดของนาง.......... เนื่องจากผู้เสียหายจากกรณีค่าขาดประโยชน์ในแง่รายได้จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมในที่ดินพิพาท ได้แก่ เกษตรกรผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในผลผลิตนั้น มิใช่ ส.ป.ก. กล่าวคือ เมื่อเกษตรกรได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตามกฎหมาย และมีผลผลิตทางเกษตรกรรมเกิดขึ้นในที่ดินพิพาท มูลค่าของผลผลิตดังกล่าวจะเกิดขึ้นทันทีพร้อมกันกับ ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรผู้ปลูก และแม้ว่าเกษตรกรเจ้าของกรรมสิทธิ์จะได้ขายผลผลิตนั้นก่อให้เกิดรายได้ให้แก่ตนเองแล้ว มูลค่าของผลผลิตดังกล่าวซึ่งเป็นความเสียหายโดยตรงที่ ส.ป.ก. ผู้ได้รับมอบหมายจากรัฐเป็นผู้เสียหายนั้นยังคงมีอยู่ในประเทศ แม้ว่าสิทธิในผลผลิตดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนมือจากเกษตรกรผู้ปลูกแล้วก็ตาม และโดยการอาศัยแนวทางการคิดค่าสินไหมทดแทนจากค่าขาดประโยชน์ข้างต้นภายใต้ขอบวัตถุประสงค์ การดำเนินงานของ ส.ป.ก. ข้างต้นนี้ การคิดค่าเสียหายในแง่ค่าขาดประโยชน์จากมูลค่าผลผลิตทางเกษตรกรรมอันเป็นวัตถุประสงค์ของรัฐผ่าน ส.ป.ก. ดังกล่าว จึงแตกต่างกันตามข้อเท็จจริงจากการบุกรุกและอยู่โดยละเมิดในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในแต่ละกรณี เช่น ในกรณีการละเมิดเข้าทำประโยชน์ที่ดิน ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมายซึ่งผู้ละเมิดมิได้ใช้ประโยชน์ที่ดินในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมนั้น ผู้ละเมิดจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในค่าขาดประโยชน์จากมูลค่าผลผลิตทางเกษตรกรรม ในขณะที่หากผู้ละเมิดเข้าทำประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรมในที่ดินนั้น ผู้ละเมิดดังกล่าวจึงมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่ ส.ป.ก. จนเกิดค่าเสียหายประเภทค่าขาดประโยชน์จากมูลค่าผลผลิตทางเกษตรกรรม แต่ยังคงต้องชดใช้ค่าเช่าให้แก่ ส.ป.ก. อันเนื่องมาจากการเข้าใช้ทรัพย์สินของ ส.ป.ก. โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และมีหน้าที่ส่งที่ดินที่ละเมิดนั้น คืนให้แก่ ส.ป.ก. ดังนี้เป็นต้น
               ดังนั้น ในการคำนวณค่าขาดประโยชน์จากมูลค่าผลผลิตทางเกษตรกรรมซึ่งเป็นความเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของนางวิไลฯ ในฐานะที่ ส.ป.ก. เป็นผู้เสียหายนั้น ส.ป.ก. จึงไม่ใช้ผลตอบแทนสุทธิของพืชเกษตรกรรมมาคำนวณค่าเสียหาย เนื่องจากผลตอบแทนสุทธิเป็นฐานคิดค่าเสียหาย ในกรณีการเรียกค่าขาดประโยชน์จากรายได้เกษตรกร ซึ่งผู้มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในกรณีดังกล่าว ได้แก่ เกษตรกรผู้ลงทุนในที่ดินพิพาทนั้นมิใช่กรณี ส.ป.ก. เป็นผู้เสียหาย แต่ ส.ป.ก. จะได้นำเอามูลค่าผลผลิตของพืชเกษตรกรรมมาคำนวณค่าเสียหายประเภทค่าขาดประโยชน์เฉพาะในส่วนที่ ส.ป.ก. เป็นผู้เสียหายโดยตรงเท่านั้น
             สำหรับการคำนวณค่าขาดประโยชน์จากมูลค่าผลผลิตทางเกษตรกรรมในที่ดินพิพาทตามความมุ่งหมายของรัฐในกรณีการละเมิดของนาง..............ข้างต้น ส.ป.ก. จึงได้นำข้อมูลตามระบบฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตร (เอกสารแนบ ๒) (สามารถหาข้อมูลได้จาก www.farmer.doae.go.th โดยใช้ Username : alro และPassword : a12lo หรือประสานข้อมูลกับเกษตรอำเภอหรือเกษตรจังหวัดในพื้นที่) มาประกอบการพิจารณาร่วมกับข้อมูลพื้นฐานเศรษฐกิจการเกษตร ปี ๒๕๕๓ ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(เอกสารแนบ ๓)(สามารถหาข้อมูลได้จากเวบไซต์ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรhttp://www.oae.go.th/main.php?filename=journal_all หัวข้อ "ข้อมูลพื้นฐานเศรษฐกิจการเกษตร”)
            ทั้งนี้ รายงานแสดงกิจกรรมการเกษตรตามสถานที่ขึ้นทะเบียนของพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว ตามเอกสารแนบ ๒ ได้ระบุว่ากิจกรรมการเกษตรที่เกษตรกรอำเภอวังน้ำเขียว ทำการเพาะปลูกสูงสุด ได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าวนาปี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามลำดับ ดังนั้น ส.ป.ก. จึงคำนวณค่าขาดประโยชน์ฯ จากค่าเฉลี่ยของข้อมูลในรอบระยะเวลา ๓ ปี (ปี ๒๕๕๑ – ๒๕๕๓) ตามเอกสารแนบ ๓ เพื่อให้ได้เกณฑ์กลางของมูลค่าผลผลิตพืชที่มีการเพาะปลูกสูงสุดในอำเภอวังน้ำเขียวแต่ละประเภท และนำมูลค่าผลผลิตของพืช ทั้งสามประเภทมาคำนวณหาค่าเฉลี่ยของมูลค่าผลผลิตที่มีการเพาะปลูกสูงสุดในอำเภอวังน้ำเขียว เพื่อให้ได้เกณฑ์กลางมาตรฐานของมูลค่าผลผลิตในอำเภอวังน้ำเขียวต่อไร่ต่อปี (เอกสารแนบ ๔) เมื่อได้มูลค่าเฉลี่ยของผลผลิตการเพาะปลูกพืชต่อไร่ต่อปีแล้วจึงนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้คำนวณหาค่าขาดประโยชน์อันเกิดขึ้น จากการกระทำละเมิดของนาง............... โดยพิจารณาประกอบกับจำนวนเนื้อที่ที่นาง.....................ได้เข้าใช้ประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นการละเมิดต่อ ส.ป.ก. และระยะเวลาที่ได้กระทำการดังกล่าวนั้น (เอกสารแนบ ๕)
             ดังนั้น ค่าขาดประโยชน์จากมูลค่าผลผลิตทางเกษตรกรรมในที่ดินพิพาทที่นาง...........ต้องชดใช้ให้แก่ ส.ป.ก. รวม ๑๒-๑-๔๓ ไร่ จึงคิดเป็นจำนวนต้นเงินทั้งสิ้น ๒๑๘,๒๓๕.๐๔ บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นแปดพันสองร้อยสามสิบห้าบาทสี่สตางค์) และดอกเบี้ยผิดนัดร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันกระทำละเมิดจนถึงปัจจุบัน (๒๘ มิ.ย. ๕๕) เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๔๒,๐๐๘.๘๒ บาท (สี่หมื่นสองพันแปดบาทแปดสิบสองสตางค์) โดย ส.ป.ก. ขอคิดเป็นค่าเสียหายในอัตราดังกล่าวจนถึงวันฟ้อง และนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่านาง............. และบริวาร จะออกจากพื้นที่พิพาท พร้อมกับรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่
             ๕.๒ การคำนวณค่าเสียหายกรณีหากนำที่ดินพิพาทออกให้เช่านั้น ส.ป.ก. นำอัตราค่าเช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ อัตราค่าเช่าที่ดินของ ส.ป.ก. และอัตราค่าเช่าตามราคาท้องตลาดของอำเภอ...............มาคำนวณหาอัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยเพื่อกำหนดค่าเสียหาย ดังนี้
                        (๑) เนื่องจากที่ดินพิพาทเป็นที่ดินในพื้นที่ตำบล.................... อำเภอ...................... จังหวัด................... ซึ่งติดทางหลวงชนบทหมายเลข ๓๐๕๒ (เอกสารแนบ ๖สามารถหาข้อมูลโดยประสานนายช่างรังวัดเพื่อจัดทำแผนที่บริเวณพื้นที่พิพาทโดยขอให้แผนที่ระบุตำแหน่งที่ดินว่าติดถนนประเภทใดหรือไม่) จึงมีราคาประเมินทุนทรัพย์ ๒๒๐,๐๐๐ บาทต่อไร่ ตามบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ รอบบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๔ (เอกสารแนบ ๗) กรมธนารักษ์ ได้กำหนดอัตราค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบการเกษตร ตามบัญชีหมายเลข ๒ ของหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าเช่า ค่าทดแทนเกี่ยวกับการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุ แนบท้ายคำสั่งกรมธนารักษ์ ที่ ๒๙๖/๒๕๕๓ สั่ง ณ วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ (เอกสารแนบ ๘) ซึ่งกำหนดให้ที่ดินที่มีราคาประเมินทุนทรัพย์ ๒๐๐,๐๐๑ – ๕๐๐,๐๐๐ บาท มีอัตราค่าเช่าเพื่อทำไร่ ทำนา ๑๐๐บาทต่อไร่ต่อปี ดังนั้น ในกรณีที่ดินพิพาทซึ่งมีเนื้อที่ ๑๒-๑-๔๓ ไร่ หรือ ๑๒.๓๖ ไร่ จึงมีอัตราค่าเช่าตามหลักเกณฑ์ของกรมธนารักษ์เป็นเงิน (๑๐๐ บาท x ๑๒.๓๖ ไร่) ๑,๒๓๖ บาทต่อปี
                     (๒) ในขณะที่อัตราการเก็บค่าเช่าที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรณี ส.ป.ก. จัดซื้อที่ดินและให้เกษตรกรเช่าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้น ในคราวการประชุม คปก. ครั้งที่ ๑/๒๕๔๘ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๔๘ ระเบียบวาระที่ ๔ เรื่องที่ ๔.๙ คปก. ได้พิจารณาเรื่องขออนุมัติกำหนดค่าเช่าที่ดิน อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปรากฏข้อพิจารณาของคณะกรรมการว่า ที่ดินของรัฐที่ ส.ป.ก. ได้รับคืนมาจากผู้ที่ครอบครองเดิมเป็นที่ดินที่ได้มาโดยไม่มีต้นทุน ไม่ใช่ที่ดินที่ ส.ป.ก. ไปจัดซื้อมา และนโยบายของรัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับคนจนจำนวนมากที่ไม่มีที่ดินทำกินและ มาขึ้นทะเบียนคนจนไว้ คนเหล่านี้เป็นประชาชนที่ยากจนจริง ๆ ไม่มีที่ดินทำกิน หากมีคุณสมบัติเป็นเกษตรกร รัฐจะต้องจัดที่ดินให้ และไม่ควรจัดเก็บค่าเช่า ยกเว้นคนที่ไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย หรือขอใช้เพื่อทำประโยชน์อย่างอื่น เช่น โรงเรียนอนุบาล ก็สมควรจัดเก็บค่าเช่าได้ แต่ถ้าเป็นที่ดินของเอกชนที่ ส.ป.ก. ใช้เงินซื้อมา จะต้องเก็บค่าเช่า ดังนั้น การจัดที่ดินให้เกษตรกร ตามที่ ส.ป.ก. เสนอ เป็นการจัดที่ดินในที่ของรัฐ จึงไม่สมควรเก็บค่าเช่า ทั้งนี้ คปก. จึงได้มีมติไม่อนุมัติกำหนดอัตราค่าเช่าที่ดินอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ตามมติคณะกรรมการประเมินมูลค่าที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ ครั้งที่ ๑/๒๕๔๘ วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๘ (เอกสารแนบ ๙) เมื่อนำมติ คปก. ดังกล่าวมาพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงแห่งคดีนี้พบว่า การกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการพิจารณาไม่จัดเก็บค่าเช่าที่ดินอำเภอวังน้ำเขียวนั้น เป็นการพิจารณาโดยคำนึงถึงกรณีการจัดที่ดินให้เกษตรกรผู้มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด มิใช่กรณีการกำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นเพื่อรองรับ ต่อผู้กระทำผิดกฎหมาย ดังนั้น บุคคลผู้อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ดังกล่าวจึงต้องเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับความคุ้มครองตามเจตนารมณ์ของมติ คปก. ดังกล่าว ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีฟ้องขับไล่นาง........ และบริวารแล้วพบว่า นาง......... และบริวาร มิใช่เกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินตามที่กฎหมายกำหนด จึงสมควรต้องพิจารณาประกอบกับเจตนารมณ์ของมติ คปก. ข้างต้นที่ได้กล่าวไว้ในชั้นข้อพิจารณาของคณะกรรมการซึ่งมีความเห็นว่า "...หากมีคุณสมบัติเป็นเกษตรกร รัฐจะต้องจัดที่ดินให้ และไม่ควรจัดเก็บค่าเช่า ยกเว้นคนที่ไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย หรือขอใช้เพื่อทำประโยชน์อย่างอื่น เช่น โรงเรียนอนุบาล ก็สมควรจัดเก็บค่าเช่าได้” ดังนั้น กรณีการบุกรุกและอยู่โดยละเมิดของนาง............ ในที่ดินแปลงพิพาทจึงเป็นกรณีที่สมควรจัดเก็บค่าเช่าได้ เนื่องจากมิใช่บุคคล ที่กฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมุ่งคุ้มครองให้ทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมโดยปราศจากค่าเช่า ทั้งนี้ กรณีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการคิดราคาค่าเช่าที่ดินนั้น คปก. ได้มีมติ ให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเรียกเก็บค่าเช่าที่ดินในที่เอกชนตามที่ ส.ป.ก. เสนอ ในคราวการประชุม คปก. ครั้งที่ ๖/๒๕๒๕ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๒๕ ซึ่งกำหนดอัตราค่าเช่าที่ดินให้เท่ากับร้อยละ ๓ ของราคาที่ดินต่อไร่ที่ ส.ป.ก. ซื้อหรือเวนคืนจากเจ้าของที่ดิน (เอกสารแนบ ๑๐) ในการนี้ เมื่อที่ดินแปลงพิพาทเป็นที่ดินของรัฐ จึงเห็นสมควรนำบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ รอบบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๔ มาเป็นเกณฑ์มาตรฐานของราคาที่ดินต่อไร่ เพื่อคำนวณอัตราค่าเช่าที่ดินดังกล่าว ซึ่งในกรณีที่ดินพิพาทนี้หาก ส.ป.ก. นำที่ดินออกให้เช่าแล้ว ที่ดินดังกล่าวอาจให้เช่าได้ในอัตราร้อยละ ๓ ของราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินฯ และเมื่อที่ดินพิพาทมีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ..................... บาท ตามที่ปรากฏในเอกสารแนบ ๖ และ ๗ แล้ว ดังนั้น ที่ดินพิพาทดังกล่าวจึงมีอัตราค่าเช่าคำนวณตามหลักเกณฑ์ของ ส.ป.ก. เป็นจำนวนเงิน { (ราคาประเมินฯ ๒๒๐,๐๐๐ บาท x อัตรา ๓ %) xเนื้อที่ ๑๒.๓๖ ไร่) } ๘๑,๕๗๖ บาทต่อปี
                      (๓) ส.ป.ก. ได้ตรวจสอบหาอัตราค่าเช่าตามราคาท้องตลาดของอำเภอ................ พบการประกาศให้เช่าที่ดินอำเภอ...............ผ่านทางเว็บไซต์ พื้นที่ ๖๐ ไร่ ราคา ๑,๐๐๐ บาทต่อเดือนประกอบกับการลงพื้นที่เพื่อสอบถามเจ้าของที่ดินในบริเวณดังกล่าวเกี่ยวกับอัตราค่าเช่าที่ดินได้รับทราบด้วยวาจาว่าการคิดอัตราค่าเช่าที่ดินในอำเภอวังน้ำเขียว เป็นการคิดราคากันเป็นรายเดือนและในอัตราใกล้เคียงกับอัตราที่ดินที่ประกาศให้เช่าข้างต้น (เอกสารแนบ ๑๑)
                 ดังนั้น อัตราค่าเช่าตามราคาท้องตลาดรายปี สำหรับพื้นที่๖๐ ไร่ จึงคิดเป็นเงิน ๑๒,๐๐๐ บาทต่อปี หากคิดอัตราค่าเช่าสำหรับพื้นที่ ๑ ไร่ จะคิดเป็นค่าเช่าราคา ๒๐๐ บาทต่อไร่ต่อปี เมื่อนำอัตราค่าเช่าตามราคาท้องตลาดของอำเภอวังน้ำเขียวในราคาต่อไร่ต่อปีข้างต้นมาประกอบการคำนวณอัตราค่าเช่าที่ดินแปลงพิพาทซึ่งมีเนื้อที่ ๑๒-๑-๔๓ ไร่ หรือ ๑๒.๓๖ ไร่ จึงมีอัตราค่าเช่าตามราคาท้องตลาดเป็นเงิน (๒๐๐ บาท x ๑๒.๓๖ ไร่) ๒,๔๗๒ บาทต่อปี
               ดังนั้น เมื่อนำอัตราค่าเช่าทั้งสามประเภทข้างต้นมาคำนวณหาอัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยเพื่อกำหนดค่าเสียหายในกรณีหาก ส.ป.ก. นำที่ดินพิพาทออกให้เช่าแล้ว นาง............ จะต้องชดใช้ให้แก่ ส.ป.ก. รวมพื้นที่ ๑๒-๑-๔๓ ไร่ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น {(อัตราธนารักษ์ ๑,๒๓๖ บาทต่อปี + อัตรา ส.ป.ก.๘๑,๕๗๖ บาทต่อปี + อัตราท้องตลาด ๒,๔๗๒ บาทต่อปี) ÷ ๓ ประเภทของอัตราค่าเช่า} ๒๘,๔๒๘ บาทต่อปี ทั้งนี้ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า นาง............ ได้บุกรุกและอยู่โดยละเมิด ในที่ดินแปลงพิพาทตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบัน (๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕) รวมเป็นระยะเวลา ๓ ปี ๑๐ เดือน หรือ ๓.๘๓ ปี
             ดังนั้น หาก ส.ป.ก. นำที่ดินออกให้เช่าตามเนื้อที่และระยะเวลาที่นาง....... บุกรุกดังกล่าวแล้ว ส.ป.ก. จึงอาจให้เช่าที่ดินได้ในราคาทั้งสิ้น (๒๘,๔๒๘ บาทต่อปี x ๓.๘๓ ปี) ๑๐๘,๘๗๙.๒๔ บาท (หนึ่งแสนแปดพันแปดร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทยี่สิบสี่สตางค์) และขอคิดเป็นค่าเสียหายในอัตราดังกล่าวจนถึงวันฟ้อง และนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่านาง........... และบริวารจะออกจากพื้นที่พิพาทพร้อมกับรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่พิพาท
                   ๕.๓ การบุกรุกและอยู่โดยละเมิดของนางวิไลฯ และบริวาร เป็นเหตุให้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เสื่อมสภาพการเพาะปลูกอันเนื่องมาจากการสร้างสถานประกอบการ............... รีสอร์ท ดังนั้น กรณีความเสียหายดังกล่าว ส.ป.ก. ขอให้นาง............ ดำเนินการปรับปรุงที่ดินให้คงสภาพที่สามารถจะใช้ประโยชน์ เพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือให้ที่ดินนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนมีการละเมิดเกิดขึ้น
                อนึ่ง ส.ป.ก. จึงมีความประสงค์จะเรียกค่าเสียหายจากนางวิไลฯ ผู้บุกรุกและอยู่โดยละเมิดต่อ ส.ป.ก.รวม (๕.๑) ค่าเสียหายจากค่าขาดประโยชน์ และ (๕.๒) ค่าเช่าที่ดินพิพาท นับแต่วันละเมิดจนถึงปัจจุบัน (๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕) รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๓๖๙,๑๒๓.๑๐ บาท (สามแสนหกหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยยี่สิบสามบาทสิบสตางค์) และขอคิดเป็นค่าเสียหายในอัตรา (ค่าขาดประโยชน์ในที่ดินพิพาท ๕๖,๙๘๐.๔๒๘ บาทต่อปี + ดอกเบี้ยผิดนัดของค่าขาดประโยชน์ในที่ดินพิพาท ๑๖,๓๖๗.๖๒๘ บาทต่อปี + ค่าเช่าที่ดินพิพาท ๒๘,๔๒๘ บาทต่อปี) ๑๐๑,๗๗๖.๐๖ ต่อปีจนถึงวันฟ้อง และนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่านาง.......... และบริวารจะออกจากพื้นที่พิพาทพร้อมกับรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่พิพาท




ป้ายกำกับ
ล่าสุด