ไขมัน เลือกให้ถูก กินให้พอดี
		
		          ที่มา : พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล และศูนย์เบาหวานศิริราช
 
 
          ไขมัน แบ่งออกเป็นทั้งไขมันดี และไขมันไม่ดี ถ้ารู้จักเลือกกินไขมันดีในปริมาณที่เหมาะสม จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ แถมยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย
 
          กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบในปลา 
มีกรดไขมันหลักๆ 2 ตัว คือ 1.EPA (Eicosapentaenoic Acid) 2.DHA (Docosahexanenoic Acid)
พบมากใน : 1.ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า 
                 2.ปลาน้ำจืดบางชนิด
 
ประโยชน์ :  1.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี(LDL-C) 
                 2.ลดความหนืดของเลือด 
                 3.ลดการอักเสบภายในร่างกาย 
                 4.ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมอง 
                 5.DHA ช่วยเพิ่มเมตอบอลิซึ่มของเซลล์ไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง
 
          กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบในพืช ALA(Alpha-Linolenic Acid)
พบมากใน : 1.ถั่ววอลนัท ถั่วเหลือง   2.เมล็ดแฟล็กซ์ คาโนลา  3.ผักสีเขียวบางชนิด เช่น กะหล่ำเล็ก ผักโขม ร่างกายสามารถเปลี่ยน ALA (Alpha-Linolenic Acid) เป็น EPA (Eicosapentaenoic Acid) / DHA(Docosahexanenoic Acid)
 
          กรดไขมันโอเมก้า 6 (LA)
พบมากใน : 1.น้ำมันพืชชนิดต่างๆ
ร่างกายสามารถเปลี่ยน LA เป็น Gamma-Linolenic Acid / Arachidonic Acid ซึ่งทำหน้าที่ส่งผ่านคำสั่งทางเคมีในร่างกาย **ควรบริโภคโอเมก้า 6 และโอเมก้า 3 ในอัตราส่วนที่เหมาะสมคือ 1:1 ถึง 4:1
 
          กรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดียว MUFA (Monounsaturated Fatty Acid)
พบมากใน : 1.น้ำมันมะกอก 
                2.อะโวคาโด 
                3.อัลมอนต์ 
                4.พิตาชิโอ 
                5.ถั่วลิสง 
                6.เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 
 
ประโยชน์ : 1.มีส่วนช่วยในกลไกการลดน้ำหนัก 
                2.ช่วยยับยั้งการกลับมาเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว 
 
ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก : 
               1.ควรออกกำลังกายเป็นประจำ 
               2.เลือกใช้น้ำมันเพื่อปรุงอาหารในปริมาณน้อยๆ 
               3.เลือกอาหารประเภทอบ นึ่ง ต้ม หรือผัดน้ำมันน้อยเป็นหลัก เลี่ยงอาหารทอด 
 
**เพื่อสุขภาพที่ดี : กินปลา ธัญพืช ผักและผลไม้ กินอาหารรสอ่อน ปริมาณพอเหมาะทุกวัน