ธันวาคม 20, 2566 | กิจกรรม ส.ป.ก.
ส.ป.ก. ร่วมงานสัมมนา “ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ก้าวใหม่เกษตรไทย สู่รายได้ที่มั่นคง” สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
วันที่ 20 ธันวาคม 2566 นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พร้อมด้วย นายวุฒิพงศ์ เนียมหอม รองเลขาธิการ ส.ป.ก., นายอุกฤษฎ์ อินทาภรณ์ ผอ.สำนักวิชาการและแผนงาน ร่วมงานสัมมนา “ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ก้าวใหม่เกษตรไทย สู่รายได้ที่มั่นคง” ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยมี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน พร้อมปาฐกถาพิเศษ พร้อมด้วยผู้บริหารสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วม ณ สโมสรกองทัพบก กรุงเทพฯ
โอกาสนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวปาฐกถาโดยสรุปว่า ภาคเกษตรเป็นรากฐานสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า ปัจจุบันเนื้อที่ทางการเกษตรอยู่ที่ 149.75 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 46.7 ของเนื้อที่ทั้งประเทศ มีจำนวนครัวเรือนเกษตร 7.8 ล้านครัวเรือน และแรงงานที่อยู่ในภาคเกษตรสูงถึงร้อยละ 51 ของจำนวนแรงงานทั้งประเทศ นอกจากนี้ ในวิกฤตต่าง ๆ ภาคเกษตรยังช่วยรองรับและโอบอุ้มเศรษฐกิจไทย โดยเป็นแหล่งรองรับแรงงานที่ถูกเลิกจ้างจากภาคเศรษฐกิจอื่น และในช่วงปี 2565-2566 หลายประเทศมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานของโลก แต่ประเทศไทยยังคงสามารถผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญได้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ และมีศักยภาพในการส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.50 ล้านล้านบาทต่อปี จึงถือว่าภาคเกษตรเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศ
ผ่านมาการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร และทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงพัฒนาและแก้ไขปัญหาในหลายด้าน โดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนการเสริมความแข็งแกร่งให้ภาคเกษตร สู่รายได้ที่มั่นคง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตร เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เกษตรกร ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยจะเร่งขับเคลื่อนงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกษตรกรกินดี อยู่ดี มีรายได้ดี มีอาชีพที่มั่นคง สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน และภาคเกษตรไทย คือ ผู้นำด้านการผลิตและการส่งออกสินค้าเกษตรในตลาดโลก
ภาพ/ข่าว : สุริยะ ลิภตะไชยโย