สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

ส.ป.ก. เปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการส่งเสริมการตลาดออนไลน์

   20 กรกฎาคม 2566 เวลา 8.45 น. ส.ป.ก. โดย กลุ่มพัฒนาสถาบันและธุรกิจชุมชน สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี จัดพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการส่งเสริมการตลาดออนไลน์ โดยมี นายเอกพงศ์ น้อยสร้าง รองเลขาธิการ ส.ป.ก. เป็นประธานการเปิดโครงการ พร้อมด้วย นายวิวรรธน์ สงประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นผู้กล่าวรายงาน นายกมล เรืองเดช นักวิชาการปฏิรูปที่ดินชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาสถาบันและธุรกิจชุมชน สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และผู้ร่วมโครงการฝึกอบรมจาก ส.ป.ก. ส่วนภูมิภาค รวมกว่า 360 ราย ร่วมพิธีเปิด ผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ Zoom Meeting ณ ห้องปฏิบัติการโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการส่งเสริมการตลาดออนไลน์ ห้องประชุม พินิต สุวรรณชฏ ส.ป.ก. ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพฯ

   โครงการฝึกอบรมหลักสูตรการส่งเสริมการตลาดออนไลน์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้ได้รับความรู้ด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์ พัฒนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้เกิดทักษะและยกระดับศักยภาพด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์ และยังส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม สามารถกำหนดแนวทางในการพัฒนาช่องทางการตลาดที่หลากหลายและเหมาะสมกับธุรกิจ โดยผลลัพธ์ คือ เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน มีธุรกิจที่มั่นคง มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

   โครงการฝึกอบรมหลักสูตรการส่งเสริมการตลาดออนไลน์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 21 กรกฎาคม 2566 โดยมีเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ส่วนภูมิภาค และเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย เข้าร่วมโครงการผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ Zoom Meeting มีหัวข้อการบรรยายให้ความรู้ อาทิ เรื่อง การปรับแนวคิดจากผู้ผลิตสู่นักธุรกิจสินค้าเกษตรและการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม, เรื่อง กลยุทธ์การตลาดสินค้ายุคปรกติใหม่และทิศทางการตลาดสินค้าเกษตรในอนาคต รวมถึงการแบ่งปันเทคนิคและกลยุทธ์การตลาดสินค้าเกษตรยุคดิจิทัล จาก Facebook Fanpage ด้านการเกษตรที่ประสบความสำเร็จ เพื่อเกษตรกรจะสามารถนำความรู้ไปใช้ในการยกระดับศักยภาพด้านการตลาด พัฒนากลยุทธ์ด้านการตลาดและการบริหารจัดการธุรกิจการส่งเสริมด้านการขาย ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ส่งผลให้เกิดการวางแผนการตลาดและขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย นำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายและเหมาะสมกับธุรกิจ รวมไปถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจ นำไปสู่การสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ข่าว/ภาพ : สมชาติ รัตนมาลี