กันยายน 30, 2568 | กิจกรรม ส.ป.ก.
คปก. อนุมัติใช้จ่ายเงินกองทุนฯ กว่า 23 ล้าน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์บริการประชาชนออนไลน์ One Stop Service
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ครั้งที่ 2/2568 พร้อมด้วย นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานการประชุม ร่วมด้วย นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ณ ห้องประชุมไชยยงค์ ชูชาติ ส.ป.ก. ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ ในวันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น.
โดยที่ประชุมอนุมัติโครงการและใช้เงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์บริการประชาชนออนไลน์ One Stop Service ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เป็นงบลงทุน จำนวนเงินทั้งสิ้น 23,496,200 บาท รวมถึงพิจารณาอนุมัติโครงการและใช้เงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 7 โครงการ 4 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตาก กำแพงเพชร และพะเยา งบประมาณทั้งสิ้น 7,517,515 บาท
ในการนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กษ. ได้กล่าวว่า “ที่ประชุมในวันนี้ได้พิจารณาโครงการและใช้เงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์บริการประชาชนออนไลน์ One Stop Service เป็นงบลงทุน จำนวนเงินกว่า 23 ล้านบาท เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่จำเป็นต่องานบริการในระบบศูนย์บริการประชาชน เพื่อตอบสนองและรองรับการให้บริการเกษตรกรจำนวนมากได้ในคราวเดียว รวมทั้งประชานชนทั่วไป และหน่วยงานต่าง ๆ ที่มาติดต่อกับ ส.ป.ก. ให้เป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว รวมถึงมีกระบวนงานครบถ้วนตามคู่มือบริการประชาชนที่ครอบคลุมกระบวนงานอื่น ๆ เช่น งานออกโฉนดเพื่อการเกษตร ทำให้ ส.ป.ก. มีระบบที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับการปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถเชื่อมโยงกับระบบศูนย์กลางการบริการประชาชนเพื่อการติดต่อราชการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจรในแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ของสำนักงานพัฒนาดิจิทัล (องค์การมหาชน) โดยการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านระบบดิจิทัลไอดีของบริการภาครัฐ “ThaID (ไทยดี)” ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้”
การประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาไม่ประสงค์จะนำที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแต่พลเมืองเลิกใช้ร่วมกันแล้วมาดำเนินการปฏิรูปที่ดินตลอดไป เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยนำไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางราชการต่อไป จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ 1) แปลง “บ้านคลองตะแบก” บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 229-1-29 ไร่ และแปลง “ทำเลเลี้ยงสัตว์บ้านน้ำเมา” บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 279-3-71 ไร่ ในท้องที่ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา รวมสองแปลงเนื้อที่ประมาณ 504-1-00 ไร่ 2) แปลงบ้าน “คลองตะแบก” ในท้องที่ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 104-1-45.2 ไร่ 3) แปลง “หนองสิมสาธารณประโยชน์” ในท้องที่ตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ 4) แปลง “หนองตากล้าสาธารณประโยชน์” ในท้องที่ตำบลโคกขมิ้น อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่
นอกจากนี้ที่ประชุมได้ยังพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อกิจการตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขอและพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2560 จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ 1) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขอความยินยอมหรือขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อดำเนินกิจการระบบโครงข่ายพลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน 2) บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ขอความยินยอมหรือขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อดำเนินกิจการติดตั้งเสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเขตปฏิรูปที่ดิน 3) บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ขอความยินยอมหรือขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อดำเนินกิจการติดตั้งเสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเขตปฏิรูปที่ดิน
“ที่ในการประชุม คปก. ครั้งนี้ มีมติเห็นชอบโครงการและใช้เงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงในเขตปฏิรูปที่ดิน การขุดเจาะบ่อบาดาล การขุดสระเก็บน้ำสาธารณะและการขุดลอกลำห้วย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับเกษตรกรในการช่วยแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากสถานการณ์ขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งมีน้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภคและทำเกษตรกรรมอย่างเพียงพอและทั่วถึง ประชาชนสามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างต่อเนื่อง” เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวเสริม
ข่าว : พีรญา ทิพโชติ
ภาพ : สุริยะ ลิภตะไชยโย / ภาคนีนัย กลิ่นกุล