กันยายน 29, 2568 | กิจกรรม ส.ป.ก.
ส.ป.ก. ร่วมติดตามคณะ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กษ. ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันที่ 27 กันยายน 2568 นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้มอบหมายให้ นายคมกฤษ แป้นโพธิ์กลาง ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ติดตามคณะ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมว.กษ.) พร้อมด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ) ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมและลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ รับฟังปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ และการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท โดยมี นายกฤษณะ สิงห์เพชร ปฏิรูปที่ดินจังหวัดชัยนาท ร่วมประชุมและติดตามสถานการณ์น้ำของจังหวัดชัยนาท เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี โดยมี จ.ส.ต.อติพัฒน์ ผิวขาว ปฏิรูปที่ดินจังหวัดลพบุรี ร่วมประชุมและติดตามสถานการณ์น้ำของจังหวัดลพบุรี และเขื่อนพระราม 6 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นางสาวพจนันท์ กองมาก ปฏิรูปที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมประชุมและร่วมติดตามสถานการณ์น้ำของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เวลา 11.30 น. รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กษ. เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ณ ห้องประชุมพระครูวิมลคุณากร สำนักงานชลประทานที่ 12 ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท และลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท โดยในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ได้ลงพื้นที่ ณ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ลงพื้นที่ ณ เขื่อนพระราม 6 ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กษ. ได้มอบหมายให้ กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 12 เร่งกำจัดผักตบชวาและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับมือทั้งสถานการณ์ภัยแล้งและน้ำท่วม อีกทั้งกำชับให้บำรุงรักษาอาคารชลประทานอย่างต่อเนื่อง จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ และบุคลากรให้สามารถปฏิบัติงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง บูรณาการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งบรรเทาผลกระทบและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด จากการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำทั้ง 3 เขื่อน ซึ่งทั้ง 3 เขื่อนมีความสำคัญต่อการเก็บกักและการระบายน้ำ มีการเชื่อมโยงกับพื้นที่เกษตรกรรมหลายจังหวัด โดย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กษ. ได้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบริหารจัดการน้ำ เพราะปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและผลผลิตทางการเกษตร เราต้องทำงานเชิงรุกและทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ ทั้งกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมส่งเสริมการเกษตร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องเชื่อมโยงข้อมูลและทำงานเป็นทีม เพื่อป้องกันความเสียหายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกร และขอให้ความเชื่อมั่นคน กทม. ได้ว่า สถานการณ์น้ำในปีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ กทม. อย่างแน่นอน
ข่าว/ ภาพ : สิริญา โภชน์เจริญ/ ส.ป.ก.ชัยนาท/ ส.ป.ก.ลพบุรี/ ส.ป.ก.พระนครศรีอยุธยา
ประสานข้อมูล : พีรญา ทิพโชติ