กรกฎาคม 26, 2568 | กิจกรรม ส.ป.ก.
รองเลขาธิการ ส.ป.ก. ร่วมติดตามคณะ รมช.กษ. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมมอบนโยบายฯ ณ จ.พะเยา
นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ เลขาธิการ ส.ป.ก. มอบหมายให้ นายวัฒนา มังธิสาร รองเลขาธิการ ส.ป.ก. พร้อมด้วย นายธีรวุฒิ สมบัติปัญญา ปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามคณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมช.กษ.) นายอัครา พรหมเผ่า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพะเยาอย่างต่อเนื่อง ณ วัดศรีไฮคำ ต.เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา และองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำแวน อ.เชียงคำ จ.พะเยา ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2568
เพื่อรับฟังปัญหาจากเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดจำนวนมากส่งผลให้ราคาตกต่ำ จึงได้เชิญชวนเกษตรกรผู้ปลูกลำไยให้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับสำนักงานเกษตรตำบล สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน เพื่อรอรับความช่วยเหลือจากโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพ ตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในฤดูปี 2568 ไร่ละ 1,400 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน ที่กำลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งจะเป็นการบรรเทาผลกระทบจากผลผลิตที่กำลังออกสู่ตลาดจำนวนมาก อีกทั้งยังแจ้งข่าวดีแก่เกษตรผู้ปลูกลำไยว่ากระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งทูตเกษตรไปเจรจาเปิดตลาดการค้าลำไยในต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อสร้างพื้นที่จำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของไทยที่จะเป็นการช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ณ วัดศรีไฮคำ ต.เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา และองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำแวน อ.เชียงคำ จ.พะเยา ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568
ต่อมา รมช.กษ. และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังโรงเรียนบ้านปางมดแดง ต.อ่างทอง อ.เชียงคำ จ.พะเยา และเทศบาลตำบลทุ่งรวงทอง อ.จุน จ.พะเยา เพื่อรับฟังปัญหาเกษตรกรในพื้นที่ และมอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย ได้แก่
1) ขุดลอกทรายลำน้ำอิง และนำทรายมาทำถนนสำหรับเข้าพื้นที่เกษตรกรรม
2) จัดหาพื้นที่สาธารณะประโยชน์สำหรับทำโครงการแก้มลิง
3) ขุดบ่อกักเก็บน้ำขนาดเล็ก พร้อมติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์และเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ สำหรับจัดส่งน้ำไปแปลงนาไว้ทำการเกษตรช่วงฤดูแล้ง
4) จัดแปลงนาเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยให้สามารถเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการบริโภคและจำหน่ายเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติม
5) จัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เกษตรกรปลูกในช่วงน้ำลด
6) จัดสอนและส่งอุปกรณ์การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้กับผู้สูงอายุที่ต้องการมีรายได้เพิ่ม ซึ่งเป็นระบบการทำเกษตรกรรมแบบหมุนเวียน และช่วยให้เกษตรกรสามารถปรับตัวทันต่อสถานการณ์โลกแปรปรวน
โอกาสนี้ รมช.กษ. ยังได้แจ้งข่าวดีกับชาวพะเยาที่จะมีการก่อสร้างอ่างห้วยไคร้เพิ่มเติม ซึ่งกรมชลประทานมีการสำรวจและออกแบบ ขนาด 200 ไร่ เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตก่อสร้าง คาดว่าสามารถดำเนินการได้ในปี 70 เพื่อให้เกษตรกรในจังหวัดพะเยามีพื้นที่รองรับน้ำและกักเก็บไว้ใช้ได้ในฤดูแล้ง ขณะเดียวกัน รมช.กษ. พร้อมคณะ มอบถุงยังชีพ จำนวน 1,600 ถุง แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเขตอำเภอภูซาง อำเภอเชียงคำ และอำเภอจุน จังหวัดพะเยา เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเบื้องต้นอีกด้วย
ข่าว : กษ., ภาคีนัย กลิ่นกุล
ภาพ : กษ., ส.ป.ก.พะเยา