เลขาธิการ ส.ป.ก. แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการลาออกจากราชการ
เพื่อยืนยันว่าไม่ได้รับแรงกดดันจากการปฏิบัติงาน ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2558 ณ ห้องประชุมจำลอง อัตนโถ ส.ป.ก.ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ
นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ เลขาธิการ ส.ป.ก. เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือต่อนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอลาออกจากราชการไปแล้ว เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2558 และจะมีผลในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 นี้ ซึ่งเป็นความตั้งใจส่วนตัวที่จะลาออกจากราชการ เมื่อผมอายุครบ 60 ปีเต็ม ในวันที่ 4 ม.ค.58 ที่ผ่านมา ถ้าจะอยู่ต่อไปก็ทำได้ จนถึงวันที่ 30 ก.ย.58 แต่ถ้าปล่อยไปจนถึงช่วงนั้น ก็คงจะไม่ได้ทำงานอะไรมาก ทำงานเพื่อรอเวลาไปเท่านั้น ก่อนเข้ามารับราชการผมตั้งใจว่าจะทำงานจนถึงอายุ 60 ปี จากนั้น ก็จะออกไปทำงานด้านชุมชน เมื่อเวลามาถึง ผมก็อยากไปทำงานตามความฝันในวันที่ยังมีแรงอยู่ ซึ่งก็มีเพื่อนข้าราชการหลายคนที่คิดและทำแบบนี้ เมื่อกลับมานั่งคิดดูว่าเราเคยมีความฝันอะไรไว้ ก็เลยบอกตัวเองว่า ทำไมไม่เริ่มทำตอนนี้เลย เพราะถ้าลาออกไปตอนนี้ มันก็เป็นการเกษียณอายุอีกรูปแบบหนึ่ง นั่งคำนวณนับเงินบำนาญที่ได้รับหลังการลาออกก็ตกอยู่ประมาณเดือนละ 4หมื่น ก็น่าจะพอสำหรับการใช้ชีวิตที่เหลือจากนี้ไป เพราะเราก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยอะไรมากอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไปยื่นหนังสือลาออก ทั้งนี้การลาออกของผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง และการทำงานที่ผ่านมาไม่ได้ถูกกดดันอะไร รวมถึงเรื่องส่วนตัวด้วย แต่ผมลาออกตามความตั้งใจเดิม ที่ตั้งใจไว้นานแล้ว และที่สำคัญถ้าออกไปตอนนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เลขาฯ ส.ป.ก.คนใหม่ เข้ามาทำงานเลยด้วย จะไปกันคนอื่นไว้ทำไมตั้งหลายเดือน ชีวิตผมจากนี้ไป ก็คงจะออกเดินสายไปพบกับผู้นำชุมชน หรือปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้การใช้ชีวิตเอาความรู้ที่มีอยู่ไปแลกเปลี่ยน เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชน นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำ มากกว่าการนั่งทำงานบริหาร แบบระวังตัวไปวันๆ เพื่อรอเวลาเกษียณอายุราชการ เรามาทำงาน เป็นข้าราชการ รับใช้ประชาชน เราไม่ยึดติดกับตำแหน่งอำนาจอะไรอยู่แล้ว และความตั้งใจลาออกจากราชการที่ไม่ได้กล่าวถึงเลยก่อนหน้านี้ เพราะไม่อยากให้เจ้าหน้าที่เสียขวัญกำลังใจ ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าการซื้อขายที่ดินในเขตส.ป.ก. มีอยู่เยอะมาก ซึ่งเป็นข่าวในทางลบ ยอมรับว่าเป็นเรื่องกดดันอย่างหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ต้องทำงานหนัก จนผ่านพ้นมาได้ ตอนนี้การตรวจสอบมีการเอาจริงเอาจังมากขึ้น จนกล่าวได้ในขณะนี้ ว่าการซื้อขายที่ดินจะหมดไปได้หากการทำงานเป็นไปตามกลไกที่วางไว้