สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ พื้นที่จังหวัดกระบี่

พฤศจิกายน 28, 2559 | กิจกรรม ส.ป.ก.

ยอดเข้าชม 176 ครั้ง

title - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ พื้นที่จังหวัดกระบี่

รมว.กษ. คืบปักป้ายยึดคืนพื้นที่ ส.ป.ก. แล้วกว่า ๒ หมื่นไร่

พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมรับฟังการยึดคืนพื้นที่ ส.ป.ก. ๔ จังหวัด (กระบี่ ชุมพร สุราษฎร์ และยะลา) และมอบนโยบายการปฏิบัติงาน วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ ศาลากลางจังหวัดกระบี่ โดยมีนางเปรมจิต สังขพงษ์ รองเลขาธิการ ส.ป.ก. และปฏิรูปที่ดินจังหวัด ๔ จังหวัด รายงานสรุปผลการดำเนินงาน มีรายละเอียดดังนี้

๑. จังหวัดกระบี่ พื้นที่เป้าหมาย ๑๘ แปลง เนื้อที่ ๑๓,๙๕๑.๐๕ ไร่ มีผู้ยื่นคัดค้าน ๑๒๗ ราย (เนื้อที่ ๒,๙๐๙ ไร่) เหลือจากยื่นคัดค้าน ๕,๓๙๐ ไร่ ไม่ยื่นคัดค้านเลย ๘ แปลง (เนื้อที่ ๕,๖๕๑ ไร่) ดังนั้น เนื้อที่ที่ต้องดำเนินการ ปักป้ายยึดคืนพื้นที่ ส.ป.ก. ๑๑,๐๔๑ ไร่

๒. จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่เป้าหมาย ๘ แปลง เนื้อที่ ๙,๘๓๙ ไร่ มีผู้ยื่นคัดค้าน ๖๓ ราย (เนื้อที่ ๑,๕๕๘ ไร่) ไม่ยื่นคัดค้านเลย ๕ แปลง (เนื้อที่ ๗,๒๗๒ ไร่) ดังนั้น เนื้อที่ที่ต้องดำเนินการปักป้ายยึดคืนพื้นที่ ส.ป.ก. ๘,๒๘๔ ไร่

๓. จังหวัดชุมพร พื้นที่เป้าหมาย ๓ แปลง เนื้อที่ ๗,๕๗๘ ไร่ มีผู้ยื่นคัดค้าน ๒๔ ราย (เนื้อที่ ๖,๘๔๒.๕ ไร่)

๔. จังหวัดยะลา พื้นที่เป้าหมาย ๒ แปลง เนื้อที่ ๒,๔๘๒ ไร่ มีผู้ยื่นคัดค้าน ๒๓๒ ราย (เนื้อที่ ๒,๔๘๒ ไร่)

ทั้งนี้ รมว.กษ. เผยความคืบหน้า ภายหลังครบกำหนดปิดประกาศ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ในการยึดคืนพื้นที่ ส.ป.ก. กรณีที่ ๑(๑) ผู้ถือครองรายใหญ่เกิน ๕๐๐ ไร่ ตามมาตรการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๖/๒๕๕๙ ทั้งประเทศพร้อมกัน ๔๓๑ แปลง รวม ๔๓๗,๔๕๗ ไร่ ซึ่งเหลือเนื้อที่ที่สามารถปักป้ายยึดคืนพื้นที่ ส.ป.ก. ๑๕๖,๐๒๘ ไร่ โดยส่วนหนึ่งเป็นแปลงที่ดินที่ไม่ปรากฏ ผู้ยื่นคัดค้าน และได้ดำเนินการปักป้ายยึดคืนพื้นที่แล้ว ทั้งหมด ๖ จังหวัด (กาญจนบุรี สุราษฎร์ธานี อุตรดิตถ์ กระบี่ นครราชสีมา และสระแก้ว) จำนวน ๒๙ แปลง เนื้อที่ ๒๙,๓๒๙ ไร่