ผู้ช่วย รมว.กษ.เปิดงานคืนความสุข ให้เด็กไทยหัวใจเกษตร
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2558 นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานคืนความสุขให้เด็กไทยหัวใจเกษตร ' พร้อมด้วย นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายโอภาส กล้่นบุศย์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นางเปรมจิต สังขพงษ์ รองเลขาธิการส.ป.ก. นางอดุลลักษณ์ อาศนเลขา ผอ.สำนักบริหารกลาง นายอดิศักดิ์ ชื่นอารมณ์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดปทุมธานี และผู้บริหารในสังกัดกษ.ร่วมเป็นเกียรติในพิธีและเยี่ยมชมบูธของกรมต่างๆ ซึ่งจัดกิจกรรมบันเทิงเพื่อเด็กๆมากมาย ณ สำนักงานสหกรณ์ จ.ปทุมธานี (ศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์)
ทั้งนี้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ อาทิ เกมส์การละเล่น การตอบคำถามส.ป.ก.และความรู้รอบตัว การสาธิตและฝึกอบรมการเพ้นท์ลวดลายกระเป๋าสตางค์ งานศิลปะประดิษฐ์ โดยวิทยากรจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยาการปลูกผักสวนครัวในกระถางพลาสติก โดยศูนย์การเรียนรู้เพื่อการปฏิรูปที่ดินสาขาฉะเชิงเทรา
สำหรับ กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี ๒๕๕๘ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้โอวาทพร้อมมอบคำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปีพุทธศักราช 2558 คือ "ความรู้คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต" เพราะความรู้และคุณธรรมทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้ทันกันได้ ซึ่งคุณธรรมถือเป็นบ่อเกิดของจริยธรรมที่จะส่งผลให้เกิดคุณธรรมทั้งในระดับองค์กรและประเทศ โดยคุณธรรมนั้น สามารถเริ่มได้จากตนเองและครอบครัวก่อนขยายไปสู่ระดับประเทศ ทำให้เป็นสังคมที่มีจริยธรรมและคุณธรรม ดังนั้นความรู้จึงเป็นบ่อเกิดของทุกอย่าง ซึ่งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญของทุกประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน เราต้องมองอนาคต และที่ต้องการบอกเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ใส่ใจอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กและเยาวชนจะเป็นในวันข้างหน้า ทั้งนี้วันข้างหน้าประเทศไทยยังต้องมีการพัฒนาอีกมาก และการเริ่มต้นในการพัฒนาจะต้องเริ่มด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คือ คนไทยทุกคน รวมถึงเด็กและเยาวชนทุกคนที่จะต้องได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายส่วนที่จะดำเนินการพัฒนา โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่จะพัฒนาและผลิตทรัพยากรมนุษย์ให้สามารถที่จะไปสู่อนาคตได้อย่างมีคุณภาพ มีความเข้มแข็งทั้งกายและใจสอดคล้องกับค่านิยม 12 ประการที่นายกรัฐมนตรีได้กำหนดไว้
ท่านกล่าวถึง สิ่งที่จะได้รับจาก การปฏิบัติตนตามค่านิยม ๑๒ ประการ ที่ได้กำหนดไว้ว่า จะทำให้สังคมและประเทศชาติดีขึ้น ทำให้ครอบครัวมีความสุข ซึ่งความสุขนั้นไม่จำเป็นจะต้องมีฐานะร่ำรวยทุกคน โดยให้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือการมีภูมิคุ้มกันที่ดี ความมีเหตุมีผล พอประมาณ มาเป็นแนวทางปฏิบัติในการดำเนินชีวิต พร้อมทั้งขอให้เด็กและเยาวชนใช้ชีวิตและใช้จ่ายให้เหมาะสมกับฐานะของตนเองและครอบครัว แต่หากบุคคลใดที่มีโอกาสดีอยู่แล้วก็ขอให้ใช้โอกาสนั้นให้ดีที่สุดและประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี มีคุณธรรม ไม่เกเร และเอาเปรียบคนอื่น ส่วนใครไม่สามารถที่จะมีโอกาสที่ดีดังกล่าวก็ขอให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้มากขึ้นทั้งในและนอกห้องเรียนไปพร้อมกัน ซึ่งปัจจุบันการศึกษามีหลายช่องทางที่สามารถศึกษาและเรียนรู้ได้ ทั้งการศึกษาในภาคบังคับ การศึกษาในระบบ การศึกนอกระบบ และการศึกษาที่ตามอัธยาศัย หรือการศึกษาที่จะเร่งต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ในเวทีโลก
ท่านขอให้ทุกคนน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตและเก็บความภาคภูมิใจในเกียรติยศและศักดิ์ศรีความเป็นคนไทยไว้กับตัวเอง พร้อมร่วมกันรักษาแผ่นดินไทยและพัฒนาให้เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ซึ่งเป็นที่ที่บรรพบุรุษและบูรพมหากษัตริย์ได้ต่อสู้ด้วยชีวิตและเลือดเนื้อเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี เพื่อรักษาให้คงอยู่จวบจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น** หน้าที่ของทุกคนคือรักษาแผ่นดินนี้ให้ได้และพัฒนาให้เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองต่อไป ด้วยความรักความสามัคคีและความมีคุณธรรมจริยธรรม ต้องร่วมมือกันพัฒนาประเทศไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน