ตุลาคม 21, 2568 | บทความ
ข้อเสนอโครงการจัดตั้งธนาคารที่ดิน ของ นายไชยยงค์ ชูชาติ
รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เหตุผล
โดยที่พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 จะมีผลใช้บังคับภายหลังตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งประมาณว่าจะประกาศใช้บังคับภายในเดือนกุมภาพันธ์
พ.ศ. 2518 นี้ ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมขึ้นในกระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ โดยเรียกย่อว่า ส.ป.ก. และให้ ส.ป.ก. เป็นทบวงการเมืองมีฐานะเทียบเท่ากรม นั้น ในพระราชบัญญัติดังกล่าวให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่ากองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในกระทรวงการคลัง
ประกอบด้วยเงินที่จะได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้รับจากรัฐบาลหรือจากแหล่งต่าง ๆ ภายใน และภายนอกประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศหรือจากบุคคลอื่น เงินที่ได้รับจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และเงินดอกหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ ส.ป.ก. ได้รับเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้เป็นทุนหมุนเวียน และใช้จ่ายเพื่อการปฏิรูปที่ดินของรัฐบาล
รายได้ที่ ส.ป.ก. ได้รับจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะต้องนำส่งเข้าบัญชีกองทุนนี้โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ส่วนการใช้จ่ายเงินของกองทุนจะกระทำได้เฉพาะการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามระเบียบที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นผู้เก็บรักษาเงินของกองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและเบิกจ่ายจากกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพื่อใช้จ่ายตามพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวนี้เท่านั้น
ที่ดินที่เจ้าของที่ดินมีเกินกว่าที่พระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนดไว้ซึ่งจะต้องขายให้แก่รัฐบาลเพื่อปรับปรุงและขายต่อให้แก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ซึ่งจะมีรวมทั้งสิ้นประมาณ 10 - 15 ล้านไร่ กับที่ดินของรัฐซึ่งเหมาะสมพอที่จะบุกเบิก และพัฒนาให้ใช้ทำการเกษตรได้ในอนาคตมีอย่างน้อยประมาณ
30-40 ล้านไร่ เป็นภาระหนักที่ส.ป.ก.จะต้องดำเนินการจัดสรรให้เสร็จสิ้นภายใน พ.ศ.2528มิ ฉะนั้นจำนวนครัวเรือนของเกษตรกรจะเพิ่มขึ้นอีก 1.7 ล้านครอบครัว ส.ป.ก. ก็จะไม่สามารถจัดหาที่ดินให้เกษตรกรเสียจากจะต้องมีโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม หรือมีงานอื่นให้เกษตรกรทำมีโครงการวางแผนครอบครัวอย่างได้ผล พร้อมไปกับการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ในเนื้อที่จำกัดให้สูงขึ้นได้อีกหลายเท่า ฯลฯ
ในพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส.ป.ก. จะต้องชำระค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืนเพื่อการปฏิรูปที่ดิน โดยการจ่ายเป็นเงินร้อยละ 25 ของเงินค่าทดแทนทั้งหมด ส่วนที่เหลือให้จ่ายเป็นพันธบัตรของรัฐบาล ในอัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8 ต่อปี มีระยะเวลาไถ่ถอนคืนภายใน 10 ปี ถ้าเจ้าของที่ดินที่จะต้องถูกเวนคืนมีเนื้อที่ไม่เกิน 25 ไร่ ส.ป.ก.จะต้องชำระเงินทั้งหมดในวันที่มีการโอนสิทธิในที่ดินนั้น
วัตถุประสงค์
เมื่อได้พิจารณาถึงจำนวนเงินที่ ส.ป.ก.จะต้องนำมาใช้จ่ายเพื่อให้งานนี้บรรลุเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้ว เป็นที่น่าวิตกว่า ส.ป.ก. จะไม่สามารถจัดหาเงินทุนหมุนเวียนมาดำเนินการได้อย่างพอเพียง และจะเป็นภาระหนักแต่รัฐบาลในอันที่จะต้องจัดสรรงบประมาณประจำปีเป็นจำนวนปีละหลายพันล้านบาท ถ้า ส.ป.ก. ไม่สามารถจะหาเงินทุนมาดำเนินการได้อย่างพอเพียง เจ้าของที่ดินที่ถูกบังคับขายหรือเงินคืนตามพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนี้จะได้รับความเดือดร้อน และเกษตรกรชั้นเล็กผู้ยากจนก็จะไม่สามารถจะหาแหล่งเงินกู้ระยะยาว ดอกเบี้ยอัตราต่ำ มาซื้อที่ดินเป็นของตนเอง โดยชำระคืนทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยในจำนวนและอัตราที่เกษตรกรชั้นเล็กไม่เดือดร้อนได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรจะจัดตั้งธนาคารที่ดินขึ้นโดยเฉพาะเพื่อระดมทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ให้ธนาคารที่ในทำหน้าที่สนับสนุน ส.ป.ก. โดยเฉพาะ คือ
1. ชำระค่าที่ดินที่ซื้อจากเจ้าของที่ดินที่ถูกบังคับหรือเวนคืนให้แก่ ส.ป.ก.
2. ปรับปรุงและพัฒนาที่ดินที่ซื้อจากเจ้าของที่ดินให้สามารถเพิ่มผลผลิตและใช้วิทยา
การเกษตรในเนื้อที่จำกัดได้ก่อนที่จะขายต่อให้แก่เกษตรกรชั้นเล็ก
3. รับจำนองที่ดินอันจะพึงมีจากเกษตรกรที่ซื้อที่ดินจาก ส.ป.ก. ทั้งนี้เพราะเกษตรกรที่ซื้อที่ดินจากโครงการนี้จะโอนกรรมสิทธิที่ดินให้แก่บุคคลอื่นไม่ได้ นอกจากการโอนทางมรดก
4. บุกเบิกและพัฒนาที่ดินของรัฐให้แก่สถาบันเกษตรกรให้สามารถทำการเกษตรได้และเกษตรได้เช่าระยะยาว
5. รับชำระค่าที่ดินคืนจากเกษตรกรซึ่งจะต้องจ่ายคืนให้แก่ ส.ป.ก. ในระยะเวลาเกินกว่า 10 ปีขึ้นไป
6. จัดหาแหล่งเงินกู้ระยะยาว ดอกเบี้ยต่ำทั้งภายในและภายนอกประเทศ
7. ออกพันธบัตรที่ดินโดยได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังเพื่อชำระค่าที่ดินแก่เจ้าของที่ดินเมื่อถึงกำหนดขายพันธบัตรที่ดินให้แก่เอกชน ตลาดหุ้น และหรือธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินอื่นๆ
วิธีดำเนินการ
เพื่อที่จะสนับสนุนโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้บรรลุเป้าหมายสมเจตนารมภ์ของรัฐบาล
เห็นควรจัดตั้งธนาคารที่ดินนี้ขึ้นเป็นเอกเทศ โดยเฉพาะเพื่อให้ธนาคารนี้เป็นอิสระ และคล่องตัว สามารถจัดหาเงินทุนให้พอเพียงและทันเวลาตามนโยบายของ ส.ป.ก. อย่างแท้จริง เป็นวัตถุประสงค์สำคัญยิ่งของธนาคารนี้
ธนาคารที่ดินจะไม่ตั้งสำนักงานสาขาทุกจังหวัด เพราะเป็นการกู้เป็นโครงการในระดับท้องถิ่น
ธนาคารจะใช้สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์การเกษตรเป็นผู้ดำเนินการ ในระดับจังหวัด หรือธนาคารนี้จะใช้สถาบันการเงินต่าง ๆ ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วเป็นผู้ดำเนินการรับจ่ายเงินให้ ธนาคารนี้จะมีเพียงสำนักงานใหญ่แห่งเดียวเท่านั้น เจ้าหน้าที่จะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ของด้านที่ดิน การชลประทาน พืช และสัตว์เท่าที่จำเป็นสำหรับศึกษา สำรวจ และติดตามผลตามโครงการเท่านั้น เช่นเดียวธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือธนาคารโลกปฏิบัติอยู่
หากรัฐบาลเห็นว่าการจัดตั้งธนาคารที่ดินจะป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากขึ้น การพิจารณาให้ธนาคารที่ดินเป็นงานใหญ่ส่วนหนึ่งของธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตรก็อาจจะทำได้ แต่จะต้องเปลี่ยนโครงสร้างของธนาคารเดิมนี้ให้สามารถรับงานที่จำเป็นจะต้องมีหลักการ และความคล่องตัวตามนโยบายการปฏิรูปที่ดินของ ส.ป.ก. ได้อย่างเต็มที่ ผู้บริหารงานจะต้องตระหนักถึงความสำคัญของโครงการปฏิรูปที่ดินเป็นอย่างดีด้วย จึงจะไม่เป็นภาระหนักแก่ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตรที่จะต้องปฏิบัติงานเดิมให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี บวกกับงานใหม่ที่จะมีภาระยากยิ่งกว่าหลายเท่า
จำนวนเงินที่ต้องการ
ตัวเลขต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการเงินที่จะใช้และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของธนาคารที่ดิน
จำนวนที่ดิน
(1) | ราคาไร่ละ (บาท)
(2) | จำนวนเงินทั้งหมด (ล้านบาท)
(3) | จ่ายเป็นเงินสด 25 % (ล้านบาท)
(4) | จ่ายเป็นดอกเบี้ยธนบัตรที่ดิน 8% ต่อปี (ล้านบาท) (5) | ค่าใช้จ่ายต่างๆ 30 % ของร่ายจ่ายทั้งหมด (ล้านบาท) (6) | รวมรายจ่ายทั้งหมด (ล้านบาท)
(7) |
500,000 | 2,500 | 1,250 | 312.50 | 75.00 | 116.25 | 503.75 |
450,000 | 2,500 | 1,124 | 281.25 | 67.50 | 104.62 | 453.37 |
400,000 | 2,500 | 1,000 | 250.00 | 60.00 | 93.00 | 403.00 |
350,000 | 2,500 | 875 | 218.75 | 52.50 | 81.38 | 352.63 |
300,000 | 2,500 | 750 | 187.50 | 45.00 | 69.75 | 302.25 |
250,000 | 2,500 | 625 | 156.25 | 37.50 | 58.13 | 251.88 |
200,000 | 2,500 | 500 | 125.00 | 30.00 | 46.50 | 201.50 |
150,000 | 2,500 | 375 | 93.75 | 22.50 | 34.88 | 151.13 |
100,000 | 2,500 | 240 | 62.50 | 15.00 | 23.25 | 100.75 |
90,000 | 2,500 | 225 | 56.25 | 13.50 | 20.93 | 90.68 |
80,000 | 2,500 | 200 | 50.00 | 12.00 | 18.60 | 80.60 |
70,000 | 2,500 | 175 | 43.75 | 10.50 | 16.28 | 70.53 |
60,000 | 2,500 | 150 | 37.50 | 9.00 | 13.95 | 60.45 |
50,000 | 2,500 | 125 | 31.25 | 3.50 | 11.63 | 50.38 |
40,000 | 2,500 | 100 | 25.00 | 6.00 | 9.30 | 40.30 |
30,000 | 2,500 | 75 | 18.75 | 4.69 | 7.33 | 31.77 |
20,000 | 2,500 | 50 | 12.50 | 3.00 | 4.65 | 20.15 |
10,000 | 2,500 | 25 | 6.25 | 1.50 | 2.33 | 10.08 |
หมายเหตุ (1) x (2) = (3)
(3) x 25 %= (4)
(3) x 75 % 8 % = (5)
(4) + (5) 30 % (6)
(4) (5) + (6) (7)
ถ้า ส.ป.ก. ซื้อที่ดินของเอกชนปีละ 5 แสนไร่ จะต้องใช้เงินทั้งหมด 25 % เงินสด 8 % ดอกเบี้ยพันธบัตรที่ดิน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของธนาคารที่ดินประมาณ 30 % ของ (3) (4) รวมทั้งสิ้นประมาณ 503.75 ล้านบาท
ตาราง 2 ค่าใช้จ่ายการดำเนินการปฏิรูปที่ดินในที่ดินของรัฐที่ธนาคารที่ดินต้องจัดหา
จำนวนไร่ (1) | เฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการบุกเบิก (2) | รวมจำนวนเงินทั้งหมด (ล้านบาท) (3) |
1,000,000 | 350 | 350 |
900,000 | ,, | 315 |
800,000 | ,, | 280 |
700,000 | ,, | 245 |
600,000 | ,, | 210 |
500,000 | ,, | 175 |
400,000 | ,, | 140 |
300,000 | ,, | 105 |
200,000 | ,, | 70.0 |
100,000 | ,, | 35.0 |
90,000 | ,, | 31.5 |
80,000 | ,, | 28.0 |
70,000 | ,, | 24.5 |
60,000 | ,, | 21.0 |
50,000 | ,, | 17.5 |
40,000 | ,, | 14.0 |
30,000 | ,, | 10.5 |
20,000 | ,, | 7.0 |
10,000 | ,, | 3.5 |