image banner

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

ข้อเสนอโครงการจัดตั้งธนาคารที่ดิน ของ นายไชยยงค์ ชูชาติ

ข้อเสนอโครงการจัดตั้งธนาคารที่ดิน ของ นายไชยยงค์ ชูชาติ

รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เหตุผล

โดยที่พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 จะมีผลใช้บังคับภายหลังตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งประมาณว่าจะประกาศใช้บังคับภายในเดือนกุมภาพันธ์ 

พ.ศ. 2518 นี้ ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมขึ้นในกระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ โดยเรียกย่อว่า ส.ป.ก. และให้ ส.ป.ก. เป็นทบวงการเมืองมีฐานะเทียบเท่ากรม นั้น ในพระราชบัญญัติดังกล่าวให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่ากองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในกระทรวงการคลัง
ประกอบด้วยเงินที่จะได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้รับจากรัฐบาลหรือจากแหล่งต่าง ๆ ภายใน และภายนอกประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศหรือจากบุคคลอื่น เงินที่ได้รับจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และเงินดอกหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ ส.ป.ก. ได้รับเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้เป็นทุนหมุนเวียน และใช้จ่ายเพื่อการปฏิรูปที่ดินของรัฐบาล

รายได้ที่ ส.ป.ก. ได้รับจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะต้องนำส่งเข้าบัญชีกองทุนนี้โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ส่วนการใช้จ่ายเงินของกองทุนจะกระทำได้เฉพาะการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามระเบียบที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นผู้เก็บรักษาเงินของกองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและเบิกจ่ายจากกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพื่อใช้จ่ายตามพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวนี้เท่านั้น

ที่ดินที่เจ้าของที่ดินมีเกินกว่าที่พระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนดไว้ซึ่งจะต้องขายให้แก่รัฐบาลเพื่อปรับปรุงและขายต่อให้แก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ซึ่งจะมีรวมทั้งสิ้นประมาณ 10 - 15 ล้านไร่ กับที่ดินของรัฐซึ่งเหมาะสมพอที่จะบุกเบิก และพัฒนาให้ใช้ทำการเกษตรได้ในอนาคตมีอย่างน้อยประมาณ 
30-40 ล้านไร่ เป็นภาระหนักที่ส.ป.ก.จะต้องดำเนินการจัดสรรให้เสร็จสิ้นภายใน พ.ศ.2528มิ ฉะนั้นจำนวนครัวเรือนของเกษตรกรจะเพิ่มขึ้นอีก 1.7 ล้านครอบครัว ส.ป.ก. ก็จะไม่สามารถจัดหาที่ดินให้เกษตรกรเสียจากจะต้องมีโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม หรือมีงานอื่นให้เกษตรกรทำมีโครงการวางแผนครอบครัวอย่างได้ผล พร้อมไปกับการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ในเนื้อที่จำกัดให้สูงขึ้นได้อีกหลายเท่า ฯลฯ

ในพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส.ป.ก. จะต้องชำระค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืนเพื่อการปฏิรูปที่ดิน โดยการจ่ายเป็นเงินร้อยละ 25 ของเงินค่าทดแทนทั้งหมด ส่วนที่เหลือให้จ่ายเป็นพันธบัตรของรัฐบาล ในอัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8 ต่อปี มีระยะเวลาไถ่ถอนคืนภายใน 10 ปี ถ้าเจ้าของที่ดินที่จะต้องถูกเวนคืนมีเนื้อที่ไม่เกิน 25 ไร่ ส.ป.ก.จะต้องชำระเงินทั้งหมดในวันที่มีการโอนสิทธิในที่ดินนั้น

 

วัตถุประสงค์

เมื่อได้พิจารณาถึงจำนวนเงินที่ ส.ป.ก.จะต้องนำมาใช้จ่ายเพื่อให้งานนี้บรรลุเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้ว เป็นที่น่าวิตกว่า ส.ป.ก. จะไม่สามารถจัดหาเงินทุนหมุนเวียนมาดำเนินการได้อย่างพอเพียง และจะเป็นภาระหนักแต่รัฐบาลในอันที่จะต้องจัดสรรงบประมาณประจำปีเป็นจำนวนปีละหลายพันล้านบาท ถ้า ส.ป.ก. ไม่สามารถจะหาเงินทุนมาดำเนินการได้อย่างพอเพียง เจ้าของที่ดินที่ถูกบังคับขายหรือเงินคืนตามพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนี้จะได้รับความเดือดร้อน และเกษตรกรชั้นเล็กผู้ยากจนก็จะไม่สามารถจะหาแหล่งเงินกู้ระยะยาว ดอกเบี้ยอัตราต่ำ มาซื้อที่ดินเป็นของตนเอง โดยชำระคืนทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยในจำนวนและอัตราที่เกษตรกรชั้นเล็กไม่เดือดร้อนได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรจะจัดตั้งธนาคารที่ดินขึ้นโดยเฉพาะเพื่อระดมทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ให้ธนาคารที่ในทำหน้าที่สนับสนุน ส.ป.ก. โดยเฉพาะ คือ

1. ชำระค่าที่ดินที่ซื้อจากเจ้าของที่ดินที่ถูกบังคับหรือเวนคืนให้แก่ ส.ป.ก.

2. ปรับปรุงและพัฒนาที่ดินที่ซื้อจากเจ้าของที่ดินให้สามารถเพิ่มผลผลิตและใช้วิทยา

การเกษตรในเนื้อที่จำกัดได้ก่อนที่จะขายต่อให้แก่เกษตรกรชั้นเล็ก

3. รับจำนองที่ดินอันจะพึงมีจากเกษตรกรที่ซื้อที่ดินจาก ส.ป.ก. ทั้งนี้เพราะเกษตรกรที่ซื้อที่ดินจากโครงการนี้จะโอนกรรมสิทธิที่ดินให้แก่บุคคลอื่นไม่ได้ นอกจากการโอนทางมรดก

4. บุกเบิกและพัฒนาที่ดินของรัฐให้แก่สถาบันเกษตรกรให้สามารถทำการเกษตรได้และเกษตรได้เช่าระยะยาว

5. รับชำระค่าที่ดินคืนจากเกษตรกรซึ่งจะต้องจ่ายคืนให้แก่ ส.ป.ก. ในระยะเวลาเกินกว่า 10 ปีขึ้นไป

6. จัดหาแหล่งเงินกู้ระยะยาว ดอกเบี้ยต่ำทั้งภายในและภายนอกประเทศ

7. ออกพันธบัตรที่ดินโดยได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังเพื่อชำระค่าที่ดินแก่เจ้าของที่ดินเมื่อถึงกำหนดขายพันธบัตรที่ดินให้แก่เอกชน ตลาดหุ้น และหรือธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินอื่นๆ

 

วิธีดำเนินการ

เพื่อที่จะสนับสนุนโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้บรรลุเป้าหมายสมเจตนารมภ์ของรัฐบาล 
เห็นควรจัดตั้งธนาคารที่ดินนี้ขึ้นเป็นเอกเทศ โดยเฉพาะเพื่อให้ธนาคารนี้เป็นอิสระ และคล่องตัว สามารถจัดหาเงินทุนให้พอเพียงและทันเวลาตามนโยบายของ ส.ป.ก. อย่างแท้จริง เป็นวัตถุประสงค์สำคัญยิ่งของธนาคารนี้

ธนาคารที่ดินจะไม่ตั้งสำนักงานสาขาทุกจังหวัด เพราะเป็นการกู้เป็นโครงการในระดับท้องถิ่น 
ธนาคารจะใช้สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์การเกษตรเป็นผู้ดำเนินการ ในระดับจังหวัด หรือธนาคารนี้จะใช้สถาบันการเงินต่าง ๆ ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วเป็นผู้ดำเนินการรับจ่ายเงินให้ ธนาคารนี้จะมีเพียงสำนักงานใหญ่แห่งเดียวเท่านั้น เจ้าหน้าที่จะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ของด้านที่ดิน การชลประทาน พืช และสัตว์เท่าที่จำเป็นสำหรับศึกษา สำรวจ และติดตามผลตามโครงการเท่านั้น เช่นเดียวธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือธนาคารโลกปฏิบัติอยู่

หากรัฐบาลเห็นว่าการจัดตั้งธนาคารที่ดินจะป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากขึ้น การพิจารณาให้ธนาคารที่ดินเป็นงานใหญ่ส่วนหนึ่งของธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตรก็อาจจะทำได้ แต่จะต้องเปลี่ยนโครงสร้างของธนาคารเดิมนี้ให้สามารถรับงานที่จำเป็นจะต้องมีหลักการ และความคล่องตัวตามนโยบายการปฏิรูปที่ดินของ ส.ป.ก. ได้อย่างเต็มที่ ผู้บริหารงานจะต้องตระหนักถึงความสำคัญของโครงการปฏิรูปที่ดินเป็นอย่างดีด้วย จึงจะไม่เป็นภาระหนักแก่ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตรที่จะต้องปฏิบัติงานเดิมให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี บวกกับงานใหม่ที่จะมีภาระยากยิ่งกว่าหลายเท่า

จำนวนเงินที่ต้องการ

          ตัวเลขต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการเงินที่จะใช้และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของธนาคารที่ดิน

จำนวนที่ดิน
ที่จะซื้อ (ไร่)

 

 

(1)

ราคาไร่ละ (บาท)

 

 

(2)

จำนวนเงินทั้งหมด  

(ล้านบาท)

 

(3)

จ่ายเป็นเงินสด  

25 % 

(ล้านบาท)

 

(4)

จ่ายเป็นดอกเบี้ยธนบัตรที่ดิน 8% ต่อปี 

(ล้านบาท)

(5)

ค่าใช้จ่ายต่างๆ 30 % ของร่ายจ่ายทั้งหมด (ล้านบาท)

(6)

รวมรายจ่ายทั้งหมด (ล้านบาท)

 

(7)

500,000

2,500

1,250

312.50

75.00

116.25

503.75

450,000

2,500

1,124

281.25

67.50

104.62

453.37

400,000

2,500

1,000

250.00

60.00

93.00

403.00

350,000

2,500

875

218.75

52.50

81.38

352.63

300,000

2,500

750

187.50

45.00

69.75

302.25

250,000

2,500

625

156.25

37.50

58.13

251.88

200,000

2,500

500

125.00

30.00

46.50

201.50

150,000

2,500

375

93.75

22.50

34.88

151.13

100,000

2,500

240

62.50

15.00

23.25

100.75

90,000

2,500

225

56.25

13.50

20.93

90.68

80,000

2,500

200

50.00

12.00

18.60

80.60

70,000

2,500

175

43.75

10.50

16.28

70.53

60,000

2,500

150

37.50

9.00

13.95

60.45

50,000

2,500

125

31.25

3.50

11.63

50.38

40,000

2,500

100

25.00

6.00

9.30

40.30

30,000

2,500

75

18.75

4.69

7.33

31.77

20,000

2,500

50

12.50

3.00

4.65

20.15

10,000

2,500

25

6.25

1.50

2.33

10.08

หมายเหตุ  (1) x (2) = (3)

(3) x 25 %= (4)

(3) x 75 % 8 % = (5)

(4) + (5) 30 % (6)

(4) (5) + (6) (7)

ถ้า ส.ป.ก. ซื้อที่ดินของเอกชนปีละ 5 แสนไร่ จะต้องใช้เงินทั้งหมด 25 % เงินสด 8 % ดอกเบี้ยพันธบัตรที่ดิน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของธนาคารที่ดินประมาณ 30 % ของ (3) (4) รวมทั้งสิ้นประมาณ 503.75 ล้านบาท

 

 

ตาราง 2 ค่าใช้จ่ายการดำเนินการปฏิรูปที่ดินในที่ดินของรัฐที่ธนาคารที่ดินต้องจัดหา

จำนวนไร่

(1)

เฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการบุกเบิก 
(บาท / ไร่)

(2)

รวมจำนวนเงินทั้งหมด (ล้านบาท)

(3)

1,000,000

350

350

900,000

,,

315

800,000

,,

280

700,000

,,

245

600,000

,,

210

500,000

,,

175

400,000

,,

140

300,000

,,

105

200,000

,,

70.0

100,000

,,

35.0

90,000

,,

31.5

80,000

,,

28.0

70,000

,,

24.5

60,000

,,

21.0

50,000

,,

17.5

40,000

,,

14.0

30,000

,,

10.5

20,000

,,

7.0

10,000

,,

3.5