สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

การลงทุนด้านการเกษตรของไทยในอาเซียน สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ชี้ลู่ทางการลงทุนภาคการเกษตรของไทยในประเทศสมาชิกอาเซียนยังเปิดกว้างหลายด้าน โดยเฉพาะ 4 ประเทศที่มีพรมแดนอยู่ติดหรือใกล้เคียงกับประเทศไทย นายภูมิศักดิ์ ราศรี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) และผู้ช่วยศาสตราจารย์กัมปนาท เพ็ญสุภา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่าจากกระแสการเปิดเสรีทางการค้าและการเข้าร่วมประชาคมอาเซียนที่กำลังจะถึงในปี 2558 นับเป็นโอกาสของธุรกิจไทยที่จะออกไปแสวงหาลู่ทางการค้าและการลงทุนในประเทศอาเซียนซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรและตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรรวมกันถึง 600 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ซึ่งมีพรมแดนอยู่ติดหรือใกล้เคียงกับประเทศไทย สำหรับข้อเสนอแนะแนวทางการลงทุนด้านการเกษตรของแต่ละประเทศ เช่น กัมพูชา ธุรกิจที่น่าสนใจในการขยายการลงทุน อาทิ การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ การผลิตสินค้าเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย โรงสีข้าว การเพาะเลี้ยงและแปรรูปสัตว์น้ำ อินโดนีเซียให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร ผลิตภัณฑ์ยางพารา สปป.ลาว ต้องการลงทุนในด้านการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร การปศุสัตว์ การทำประมงน้ำจืดในแม่โขง สำหรับเมียนมาร์ มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของเกษตรการและส่งเสริมการลงทุนทางการเกษตรทุกรูปแบบ ทั้งการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง ดังนั้น นักลงทุนไทยควรปรับตัวและเตรียมตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละประเทศ เช่น รวมตัวเป็นคณะกลุ่มหรือสร้างเป็นคลัสเตอร์เพื่อไปหารือโดยตรงกับหน่วยงานภาครัฐในประเทศเป้าหมาย เรียนรู้การบริหารจัดการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ ศึกษาข้อมูลและสภาพแวดล้อมของประเทศที่จะไปลงทุนครอบคลุมด้านสังคมภาษา วัฒนธรรมและกฎระเบียบต่างๆ ขณะที่ภาครัฐควรมีบทบาทหลักในการดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อการไปลงทุนในต่างประเทศของภาคเอกชน โดยเฉพาะมาตรการทางภาษี และแหล่งเงินทุน ควรมีการตั้งหน่วยงานกลางแบบวันสตอปเซอร์วิส รวมทั้งช่วยจัดหาที่ปรึกษาทางธุรกิจให้ ที่มา : สำนักข่าวไทย : วันที่ 3 กรกฎาคม 2557