กันยายน 9, 2568 | ภาพข่าว
ส.ป.ก. ร่วมกิจกรรมและออกบูธประชาสัมพันธ์ในงานสวัสดีโซล ไทยเฟสติวัล: ดิสคัฟเวอร์ไทยแลนด์ (2025 Sawasdee Seoul Thai Festival: Discover Thailand)
เมื่อวันที่ 6-7 กันยายน 2568 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ร่วมกิจกรรมและออกบูธประชาสัมพันธ์ในงาน สวัสดีโซล ไทยเฟสติวัล: ดิสคัฟเวอร์ไทยแลนด์ (2025 Sawasdee Seoul Thai Festival : Discover Thailand) ณ บริเวณลานหน้าคลองซองเก กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี
ในการนี้ นายธเนตร พารา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี พร้อมด้วย นางสาวสิริมา แจ้งกระจ่าง ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร นางสาวจิตรลดา ฐินถาวร ผู้อำนวยการกลุ่มฝึกอบรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นางสาวสุรัติวดี ภาคอุทัย ผู้อำนวยการกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักวิชาการและแผนงาน และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เป็นผู้แทน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เข้าร่วมกิจกรรม โดยมี นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย หน่วยงานภาครัฐไทย อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทย (THACCA) เมืองพัทยา และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานพันธมิตรจากฝ่ายเกาหลีใต้ เพื่อประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับประเทศไทยทั้งในมิติดั้งเดิมและสมัยใหม่ ในด้านภูมิปัญญาศิลปะและผลิตภัณฑ์ของไทย มาตรฐานและคุณภาพของสินค้าหัตถกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ในหมู่ประชาชนเกาหลี โดยมีกิจกรรมดังนี้
- กิจกรรมที่ 1 จัดนิทรรศการแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ทรงคุณค่า ทั้ง 12 แผนกวิชา โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์ชิ้นงานทรงคุณค่าที่ผลิตขึ้นจากวัสดุทางการเกษตรมาประยุกต์ใช้กับงานฝีมือด้านงานศิลปหัตถกรรมที่มีความร่วมสมัยผสมผสานกันอย่างลงตัวและคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย
- กิจกรรมที่ 2 การจัดหน่ายผลิตภัณฑ์งานศิลปหัตถกรรม จาก ศิษย์เก่า ศพส.
- กิจกรรมที่ 3 เปิดให้มีการสาธิตและฝึกปฏิบัติงานศิลปหัตถกรรม WORK SHOP หลักสูตร 태국 물고기 키링 (แทกุก มุลโกกี คีริง) แปล แทกุก = ไทย มุลโกกี = ปลา คีริง = พวงกุญแจ หรือ พวงกุญแจปลาไทย โดยรังสรรค์จากเศษผ้าไหมปลาตะเพียนสานจากผ้าไหมไทย
สำหรับการร่วมกิจกรรมและออกบูธประชาสัมพันธ์ในงานนี้ จัดในขึ้นในธีม “เกษตรคู่งานหัตถศิลป์” หรือ “หัตถกรรมไทยบางไทรสู่กรุงโซล” โดยจะเน้นไปที่งานหัตถกรรมไทยจากวัสดุภาคการเกษตร นำมาประยุกต์ใช้ก่อเกิดงานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่าที่หาได้ยากในปัจจุบัน โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดแสดง อาทิ งานประดิษฐ์หัวโขน ซึ่งทำมาจากหญ้าแฝก, ฟางข้าว มาผสมผสานเป็นงานหัตถกรรมด้านการสาน โดยนำผลิตภัณฑ์ภาคการเกษตรที่ทำจากพืชไปจัดแสดงไม่ว่าจะเป็นหวาย, ผักตบชวา, ไม้ไผ่ลายขิด, กระจูด รวมไปถึง เส้นย่านลิเภา ซึ่งวัตถุดิบภาคการเกษตรเหล่านี้ สามารถมาสร้างงานหัตถศิลป์ได้หลากหลาย ทั้งการทำกระเป๋าถือสุภาพสตรี, หมวก, ตะกร้า, ของที่ระลึก ของโชว์ต่าง ๆ รวมไปถึงการนำงานหัตถกรรมภาพวาดลายไทย ลายกินรี ภาพวาดลายไทย งานลงรักปิดทอง ซึ่งเป็นงานฝีมือที่มีความละเอียดอ่อน และหาดูได้ยาก และงานศิลปะร่วมสมัย เช่น งานผ้าบาติก ทั้งผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าคลุมไหล่ ไปร่วมจัดแสดงร่วมด้วย ซึ่งงานหัตถกรรมงานศิลป์ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นงานฝีมือของครูช่างศิลป์ ส.ป.ก. ที่มีความสามารถทั้งสิ้น การได้นำงานผลิตภัณฑ์หัตถกรรมอันทรงคุณค่าเหล่านี้ไปจัดแสดงโชว์ จะเป็นการเผยแพร่งานหัตถกรรมสู่สายตาชาวต่างชาติได้รู้จัก ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร (ศพส.) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มากยิ่งขึ้น
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่นำไปจัดแสดงนิทรรศการโชว์และผลิตภัณฑ์บางส่วนที่สามารถจำหน่าย ทาง ศพส. ได้จัดทำถุงผ้าเพ้นท์ลวดลายความเป็นไทยจากแผนกช่างเขียนภาพลายไทยพร้อมลง ALRO THAILAND ที่ถุงผ้า โดยในแต่ละใบจะมีลวดลายที่ไม่ซ้ำกัน สามารถนำถุงผ้าไปใช้ประโยชน์ได้ต่อโดยไม่ซ้ำกับที่ใด เพราะลวดลายทุกใบเป็นงานเขียนมือขึ้นใหม่ทุกชิ้น เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ แหล่งที่จัดทำผลิตภัณฑ์อีกช่องทางหนึ่ง
นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมนำผลิตภัณฑ์ไปจัดนิทรรศการ และจัดจำหน่ายแล้ว ยังมีกิจกรรมร่วม WORK SHOP อีกทั้งงานหัตถศิลป์ ซึ่งกิจกรรม WORK SHOP ได้เลือก "หลักสูตรพวงกุญแจสานปลาตะเพียน" โดยมีเป้าหมายผู้เข้าร่วม WORK SHOP ประมาณ 250 ราย โดยเป็นการสืบสานความเป็นไทยที่มีมาคู่คนไทยมาแต่อดีต และเป็นการประยุกต์ใช้ผ้าไทย โดยใช้ผ้าไหม ผ้าป่าน มาตัดเย็บแล้วสานเป็นพวงกุญแจเป็นปลาตะเพียน ซึ่งปลาตะเพียนเป็นสัญลักษ์ที่สื่อถึงวัฒนธรรมความเป็นไทย เป็นสัญลักษณ์ของความขยัน อดทน มั่นคง และมั่งมี