การแสดงผลตัวอักษร
1764 ศูนย์บริการข้อมูล
TH EN
image banner

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

ที่ดินพระราชทาน 5 จังหวัด

ที่ดินพระราชทาน 5 จังหวัด

              สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ตราพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ออกใช้ใน วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 และทันทีที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใช้บังคับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้การสนับสนุนให้โครงการปฏิรูปที่ดินดำเนินไปโดยสัมฤทธิ์ผล พระองค์จึงได้พระราชทานที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จำนวน 51,967 ไร่ 95 ตารางวา ในพื้นที่ 8 จังหวัด คือ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครนายก จังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสระบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้กับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่ดินเป็นประเดิมเริ่มแรก พระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานที่ดินในครั้งนั้น ยังเป็นการหล่อหลอมให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ มีความเข้าใจ ในนโยบายการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมของรัฐบาลตรงกัน และทำให้เกิดผลดีต่อการดำเนินการปฏิรูปที่ดิน

             ต่อมาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้กันเนื้อที่บางส่วนออก เนื่องจากที่ดินไม่ได้ใช้เพื่อการเกษตร และมีภาระผูกพันกับหน่วยราชการอื่น จึงคงเหลือพื้นที่ที่จะดำเนินการปฏิรูปที่ดินได้ 44 ,321 -0-39.46 ไร่ อยู่ในท้องที่ 5 จังหวัด คือจังหวัดฉะเชิงเทรา 14,617-3-69 ไร่ จังหวัดนครปฐม 1,009 -3-26 ไร่ จังหวัดนครนายก 3, 542-3-49 ไร่ จังหวัดปทุมธานี 14, 015-1-28.46 ไร่ และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 11, 135-0-67 ไร่ จัดเกษตรกรเข้าทำประโยชน์จำนวน 3, 346 ราย รวมเนื้อที่ 40, 577-0-78.46 ไร่ ส่วนพื้นที่อีกส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่เพื่อการสาธารณูปโภค เนื้อที่ 3, 743-3-61 ไร่

การพัฒนาในที่ดินพระราชทาน

     กิจกรรมพัฒนาขั้นพื้นฐานเป็นกิจกรรมที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นฐานของพื้นที่ โดยดำเนินงานเกี่ยวกับการก่อสร้าง ปรับปรุง และซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมและแหล่งน้ำ เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิตของเกษตรกรในที่ดินพระราชทาน

1. การพัฒนาเส้นทางคมนาคม

     ที่ดินพระราชทานส่วนใหญ่สภาพเป็นที่นา ไม่มีถนนเข้าถึงแปลงที่ดิน เดิมเกษตรกรต้องใช้เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจึงได้ดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงถนน เพื่อเป็นการคมนาคมติดต่อระหว่างหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนส่งปัจจัยการผลิตและผลผลิตทางการเกษตรในที่ดินพระราชทาน 5 จังหวัด โดยก่อสร้างถนนลูกรังสายหลัก รวมระยะทาง 15 , 320 กิโลเมตร และก่อสร้างถนนลูกรังสายซอย รวมระยะทาง 91 .147 กิโลเมตร

2. การพัฒนาระบบชลประทาน

     ที่ดินพระราชทานส่วนใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชลประทาน แต่เกษตรกรบางส่วนยังผันน้ำไปใช้ในการเกษตรได้ไม่เต็มที่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจึงได้ดำเนินการพัฒนาระบบชลประทานในที่ดินพระราชทาน 5 จังหวัด โดยขุดคลองส่งน้ำ รวมระยะทาง 18 .411 กิโลเมตร และขุดลอกคลองส่งน้ำ และคลองระบายน้ำ รวมระยะทาง 97.147 กิโลเมตร

3. การพัฒนารายได้และปรับปรุงโครงสร้างการผลิต

     เป็นกิจกรรมเสริมเพื่อเป็นการสนับสนุนในการพัฒนาที่ดิน ปรับปรุงวิธีการและเทคนิคการผลิตทางการเกษตร เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งให้การส่งเสริมสถาบันเกษตรกรและฝึกอบรมอาชีพการเกษตรและนอกการเกษตรให้แก่เกษตรกร

4. การพัฒนาอาชีพทางการเกษตร

     เกษตรกรในที่ดินพระราชทานส่วนใหญ่ประสบปัญหาดินเปรี้ยว ผลผลิตต่ำ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงได้ร่วมมือกับส่วนราชการต่าง ๆ เข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหา และพัฒนาอาชีพในรูปแบบต่าง ๆ จนเกษตรกรสามารถใช้พื้นที่ประกอบเกษตรกรรมได้โดยสมบูรณ์ ปัจจุบันที่ดินพระราชทานในเขตปฏิรูปที่ดินมีการพัฒนาระบบแปลงเกษตรกรรมแล้วเสร็จ เนื้อที่ประมาณ 17 , 150 ไร่ เกษตรกรเกือบทั้งหมดได้เปลี่ยนจากการทำนาเพียงอย่างเดียว มาเป็นสวนผลไม้ สวนส้ม การเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ และเกษตรผสมผสาน


     พื้นที่ที่ไม่ได้จัดระบบแปลงเกษตรกรรม ได้ดำเนินการปรับปรุงระบบชลประทานและเส้นทางคมนาคม ทำให้เกษตรกรได้พัฒนาพื้นที่สวนไม้ผล สวนยางพารา และไร่นาสวนผสม เนื้อที่ประมาณ 3 , 500 ไร่


     ส่วนพื้นที่ที่เหลือเนื้อที่ ประมาณ 13 , 720 ไร่ เกษตรกรสามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง โดยใช้ข้าวพันธุ์ปรับปรุงใหม่ ให้ผลผลิตสูงกว่า 50 ถังต่อไร่ขึ้นไป และมีอาชีพเสริมในการปลูกไม้ผลปลูกพืชผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู และเพาะเห็ดฟาง เป็นต้น


5. การพัฒนาอาชีพนอกการเกษตร

     สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้จัดฝึกอบรมอาชีพเสริมนอกการเกษตร โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
          5.1 ประเภทงานหัตถกรรมและอุตสาหกรรมในครัวเรือน โดยนำเอาทรัพยากรท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์
          5.2 ประเภทฝีมือช่าง ได้แก่ การซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง
          5.3 ประเภทส่งเสริมคุณภาพชีวิต ได้แก่ การฝึกอบรมความรู้ทางด้านโภชนาการ ตัดเย็บเสื้อผ้า

6. การพัฒนาสถาบันเกษตรกร

     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้มีการรวมกลุ่มในระดับหมู่บ้านเป็นสหกรณ์ในเขตปฏิรูปที่ดิน และพระราชทานเงินชดเชยค่าที่ดินเป็นเงินหมุนเวียน สำหรับดำเนินงานของสหกรณ์ในเขตที่ดินพระราชทานสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรในที่ดินพระราชทานรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดิน 8 สหกรณ์ ปัจจุบัน แต่ละสหกรณ์สามารถดำเนินธุรกิจได้ด้วยตนเองจนมีกำไร และพัฒนาเติบโตขึ้นต่อไป

7. การพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

     เพื่อให้เกษตรกรและประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารความรู้และรับบริการด้านต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนด้านที่ดินทำกินตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจึงได้จัดตั้งศูนย์บริการประชาชน โดยมีทิศทางการบริการ 7 รูปแบบ คือ


1.) บริการข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
2.) บริการปฏิรูปที่ดินด้านการจัดที่ดิน
3.) บริการปฏิรูปเกษตรกรด้านองค์ความรู้ควบคู่การสร้างอาชีพและการพัฒนาจริยธรรม
4.) บริการปฏิรูปด้านการจัดการเพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้ที่ดิน
5.) บริการการแปลงสินทรัพย์ที่ดิน เพื่อเข้าสู่แหล่งทุน
6.) บริการจัดตั้งสถาบันเกษตรกร และการพัฒนาธุรกิจภาคประชาชน
7.) บริการข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ

 

ป้ายกำกับ
ล่าสุด