พระราชกฤษฎีการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546
-
การบริหารราชการยุคใหม่ให้ทันสมัยได้มาตรฐานสากลจะต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เกินความจำเป็น ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ
-
ตามที่บัญญัติได้ในมาตรา 3/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ดังนั้นจึงได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ขึ้นเพื่อให้ส่วนราชการและข้าราชการถือปฏิบัติ ซึ่งขณะนี้พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวได้มีผลบังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2546 พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้แบ่งเป็น 9 หมวด 53 มาตรา โดยมีหลักการและสาระสำคัญ ดังนี้
-
การบริหารงานราชการตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ต้องเป็นการบริหารราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพประสิทธิผล เกิดความคุ้มค่า ไม่มีขั้นตอนเกินความจำเป็น มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ ประชาชนได้รับความสะดวกและตอบสนองความต้องการของประชาชน รวมทั้งมีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอเป็นระบบ
-
การบริหารราชการต้องถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ความความผาสุกและความกินดีอยู่ดีของประชาชนและเกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศ การปฏิบัติงานของส่วนราชการต้องเป็นไปอย่างซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ หากภารกิจใดส่งผลกระทบต่อประชาชนต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นและชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้และมีส่วนร่วมในการบริหารกิจการบ้านเมืองมากขึ้น
-
เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐทุกส่วนราชการต้องทำแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี ให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน 4 ปี ที่คณะรัฐมนตรีจัดทำขึ้นโดยจะต้องกำหนดเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงานที่วัดผลได้ รวมทั้งหมดผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการให้ชัดเจน
-
เพื่อให้การบริหารราชการมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ ทุกส่วนราชการต้องทำแผนการทำงาน และเผยแพร่ให้ข้าราชการและประชาชนทราบ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องทำโดยเปิดเผยและเที่ยงธรรม โดยเน้นด้านคุณภาพและจะต้องมีการประเมินความคุ้มค่าในการปฏิบัติภารกิจว่าสมควรดำเนินภารกิจนั้นต่อหรือยุบเลิกไป ซึ่งต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะได้รับมากที่สุด
-
ส่วนราชการต้องดำเนินการลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน โดยให้มีการกระจายอำนาจการตัดสินใจไปยังผู้มีหน้าที่ให้บริการโดยตรง และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยเพื่อความรวดเร็วในการให้บริการประชาชน รวมถึงการจัดให้มีศูนย์บริการร่วม
-
ส่วนราชการต้องทบทวนและปรับปรุงภารกิจและกฎหมายต่าง ๆ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับภาวะการณ์โดยคำนึงถึงความสะดวก รวดเร็ว และลดภาระของประชาชนเป็นสำคัญ
-
ส่วนราชการต้องคำนึงถึงความสะดวกและตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยการกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงาน และจัดทำประกาศให้ประชาชนทราบโดยทั่วกัน รวมทั้งจัดทำระบบเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศเพื่อให้บริการสอบถามข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน
-
ส่วนราชการต้องจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการ โดยคณะผู้ประเมินอิสระ ทั้งนี้ส่วนราชการใดให้บริการได้อย่างมีคุณภาพหรือสามารถเพิ่มผลงานได้โดยไม่เพิ่มค่าใช้จ่ายก็จะได้รับการจัดสรรเงินพิเศษหรือเงินรางวัลเพิ่มประสิทธิภาพ เป็นต้น
-
หลักการของพระราชกฤษฎีกาที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้การปฏิบัติงาน ของส่วนราชการสามารถตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศ และให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนั้นส่วนราชการ ข้าราชการและประชาชนในทุกภาคส่วนของสังคมควรให้ความสนใจ และร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันให้การดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวบรรลุผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง