หน้าที่ของเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน
หน้าที่ของเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน เมื่อเกษตรกรได้รับการคัดเลือกเข้าทาประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินลงชื่อในหนังสือรับมอบที่ดินและหรือทาสัญญาเช่า หรือสัญญาเช่าชื้อ หรือสัญญาจัดให้โดยมีค่าชดเชยเรียบร้อยแล้ว จะต้องเริ่มเข้าทำประโยชน์ในที่ดินนั้น และมีหน้าที่ต้องปฏิบัติดังนี้
๑. ทำประโยชน์ในที่ดินด้วยตนเอง อย่างเต็มความสามารถ และไม่นำที่ดินนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนไปให้ผู้อื่นเช่า ให้ทำประโยชน์ หรือขาย หากไม่ต้องการ จะทำประโยชน์ในที่ดินให้ยื่นคำขอสละสิทธิ หรือขอโอนสิทธิในที่ดินนั้นให้สามีหรือภริยา หรือบุตรที่บรรลุนิติภาวะ โดยยื่น
คำขอได้ที่สานักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (ส.ป.ก. จังหวัด)
๒. ไม่เปลี่ยนแปลงสภาพที่ดินจนเป็นเหตุให้ที่ดินเสื่อมสภาพความเหมาะสมแก่การประกอบเกษตรกรรม เช่น ขุดหน้าดินขาย
๓. ไม่ขุดบ่อเพื่อเกษตรกรรมเกินกว่าร้อยละ ๕ ของพื้นที่ที่ได้รับมอบ เช่น ถ้า ส.ป.ก.จัดที่ดินให้๒๐ไร่ จะขุดบ่อได้ไม่เกิน ๑ ไร่ และต้องไม่ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างใดๆ นอกเหนือจากปลูกสร้างโรงเรือน ยุ้ง ฉาง ที่อยู่อาศัย หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรของเกษตรกรนั้นตามสมควร หากต้องการจะทำการใดๆ ที่เกิน จากนี้ให้ยื่นคำขออนุญาตต่อ ส.ป.ก. จังหวัดก่อน
๔. ดูแลรักษาหมุดหลักฐานและหลักเขตในที่ดินที่ได้รับมอบ มิให้เกิดชำรุดเสียหายหรือเคลื่อนย้ายไปจาก ตำแหน่งเดิม
๕. ไม่กระทำการใดๆ ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งก่อสร้างในโครงการปฏิรูปที่ดิน สภาพแวดล้อม หรือเสียหายต่อการทำประโยชน์ในที่ดินของเกษตรกรอื่น
๖. ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด(คปจ.)
๗. ปฏิบัติตามสัญญากู้ยืมที่ทำกับ ส.ป.ก. และตามพันธะกรณีที่มีอยู่กับสถาบันการเงิน หรือบุคคลที่ดำเนินงาน รวมกับ ส.ป.ก. เช่น ตามสัญญากู้ยืมเงินกับ ธ.ก.ส. หรือสัญญาตามโครงการพัฒนาการเกษตรร่วมกับภาคเอกชน นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกป่าหรือไม้ยืนต้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ของเนื้อที่ในแปลงที่ดินที่ได้รับจัดจาก ส.ป.ก. อีกด้วย ถ้าเกษตรกรไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ปฏิรูปที่ดินจังหวัดจะมีหนังสือเตือนให้ปฏิบัติให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด ถ้าเกษตรกรยังคงฝ่าฝืนโดยไม่มีเหตุอันสมควรคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด
(ค.ป.จ.) จะมีคำสั่งให้สิ้นสิทธิและต้องออกจากที่ดิน